สูตรปรับราคาก๊าซปีหน้า ลุ้นรัฐตรึงครัวเรือน-อุตฯอ่วม 33 บ./ก.ก.คนไทยเตรียมใจรับก๊าซ หุงต้ม (LPG) ขึ้นราคาในอีก 6 เดือนข้างหน้า หลังปล่อยให้กองทุนน้ำมันฯต้องชดเชยส่วนต่างราคานำเข้าก๊าซให้ ปตท.เหยียบ 13,224 ล้านบาท เสี่ยงต่อสภาพคล่องกองทุนโดยตรง สุดท้าย กระทรวงพลังงานเสนอ 2 วิธี 5 ทางเลือกในการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม มีทั้งการขึ้นราคาขายปลีกโดยตรงหรือปรับสูตรราคาก๊าซ ณ หน้าโรงกลั่นใหม่ ส่งผลก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 ก.ก.ไม่แคล้วขึ้นราคาถังละ 300 บาท
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานสถานการณ์การนำเข้าก๊าซหุงต้ม (LPG) จากการประเมินของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หลังจากที่ ครม.มีมติให้ต่ออายุการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ก.ก.ละ 18.13 บาททุกภาคส่วน ตามมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านพลังงานออกไปอีก 6 เดือน (กันยายน 2553-กุมภาพันธ์ 2554) เข้ามาว่า ตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดปริมาณก๊าซนำเข้าในช่วง 6 เดือนหลังจากนี้ไปก็คือ การเปิดดำเนินการของโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ของบริษัท ปตท. แม้ว่าโรงแยกก๊าซดังกล่าวจะไม่อยู่ในบัญชีกิจการที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อ ชุมชนตามมาตรา 67(2) แห่งรัฐธรรมนูญ 2550 แล้วก็ตาม
ทั้งนี้ได้มีการประมาณการความต้องการใช้ก๊าซ LPG ตลอดทั้งปี 2553 อยู่ที่ตัวเลข 5,495,000 ตันหรือเฉลี่ยเดือนละ 458,000 ตัน ขณะที่ปริมาณการผลิตก๊าซภายในประเทศแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ กรณีแรก โรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตก๊าซภายในประเทศอยู่ที่ 3,820,000 ตัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 318,000 ตัน ทำให้บริษัท ปตท.ต้องนำเข้าก๊าซ LPG อีก 1,668,000 ตัน หรือเฉลี่ยนำเข้าเดือนละ 139,000 ตัน โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องชดเชย "ส่วนต่าง" ระหว่างราคาก๊าซนำเข้ากับราคาก๊าซภายในประเทศประมาณ 23,596 ล้านบาท
กับกรณีที่สอง โรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 สามารถเปิดดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้ปริมาณการผลิตก๊าซ LPG ในประเทศเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 100,000 ตัน ลดภาระการนำเข้าก๊าซ LPG ของบริษัท ปตท.ลงมาเหลือประมาณเดือนละ 32,000-54,000 ตัน ในส่วนนี้ช่วยลดภาระการชดเชยส่วนต่างราคาก๊าซที่กองทุนน้ำมันฯต้องจ่ายลงได้ ประมาณ 15,009 ล้านบาท หรือลดลงไป 8,587 ล้านบาท
"การชดเชยส่วนต่างราคาก๊าซตามมาตรการตรึงราคาก๊าซชงสูตรภายในประเทศที่ ก.ก.ละ 18.13 บาทออกไปอีก 6 เดือนนั้น คิดจากฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 80 เหรียญ/บาร์เรล (BBL) กับราคาก๊าซ LPG ที่ประมาณ 725 เหรียญ/ตัน ดังนั้นเงินชดเชยที่ไหลออกจากกองทุนน้ำมันฯครึ่งปีหลัง จึงอยู่ที่ ปตท.จะเปิด ดำเนินการโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 เร็วที่สุดได้เมื่อไหร่ แต่คงจะไม่เกินสิ้นปี 2553 นี้แน่" แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท.กล่าว
ดังนั้นเมื่อครบกำหนดระยะเวลาการตรึงราคาก๊าซ LPG ทุกภาคส่วนในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 กระทรวงพลังงานจึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องปรับราคาก๊าซหุงต้ม LPG ภายในประเทศให้สะท้อนความเป็นจริง เมื่อคำนวณจากความต้องการใช้ก๊าซที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 5 หรือ 5,784,000 ตัน/ปี หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 481,750 ตัน ขณะที่กำลังการผลิตก๊าซภายในประเทศ (รวมโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 เปิดดำเนินการแล้ว) เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 อยู่ที่ปริมาณ 5,064,000 ตัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 422,000 ตัน เท่ากับบริษัท ปตท.ต้องนำเข้าก๊าซ LPG อยู่ในระดับเฉลี่ยเดือนละ 60,000 ตัน
เพื่อไม่ให้เป็นการเสี่ยงต่อ เสถียรภาพและความมั่นคงของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งเพื่อยุติการบิดเบือนกลไกราคาก๊าซ LPG ภายในประเทศให้สะท้อนกับต้นทุนการผลิตที่แท้จริง และความไม่เป็นธรรมที่เงินจากกองทุนน้ำมันฯถูกใช้ไปในการ "อุดหนุน" ราคาก๊าซ LPG ให้กับภาคอุตสาหกรรม/ปิโตรเคมี (ร้อยละ 73), ภาคขนส่ง (ร้อยละ 25) และภาคครัวเรือน (ร้อยละ 9) กระทรวงพลังงานจึงเสนอให้หยุดการบิดเบือนราคาก๊าซภายในประเทศ 2 วิธีคือ การขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ LPG กับการขึ้นราคาก๊าซ LPG ณ หน้าโรงกลั่นใหม่
วิธีแรก การขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ LPG ในประเทศ จะมีทางเลือก 5 ประการ ได้แก่ 1) ขึ้นราคาก๊าซ LPG ทุกภาคส่วน ด้วยการปรับเพิ่มอัตราเงิน LPG ส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของก๊าซ LPG ทุกภาคส่วนการใช้อีก 2.72 บาท/ก.ก. ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG เพิ่มขึ้น 2.91 บาท/ก.ก. (รวม VAT) หรือจากเดิมราคา 18.13 บาท/ก.ก. ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 21.04 บาท/ ก.ก. เท่ากับก๊าซหุงต้มขนาด 15 ก.ก. จากเดิมราคาถังละ 271.95 บาท ปรับขึ้นเป็น ถังละ 315.60 บาท
2) ขึ้นราคาก๊าซ LPG เฉพาะภาคขนส่งกับภาคอุตสาหกรรม แต่ตรึงราคาภาคครัวเรือนต่อไป ด้วยการปรับเพิ่มอัตราเงิน LPG นำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯในภาคอุตสาห กรรมกับภาคขนส่งอีก 9.49 บาท/ก.ก. ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG ในภาค ขนส่ง-อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีก 10.15 บาท/ ก.ก. (รวม VAT) หรือจากเดิมราคา 18.13 บาท/ก.ก. เพิ่มขึ้นเป็น 28.28 บาท/ก.ก.
3) ขึ้นราคาก๊าซ LPG เฉพาะภาคอุตสาหกรรม แต่ตรึงราคาภาคครัวเรือนกับภาคขนส่งต่อไป ด้วยการปรับเพิ่มอัตราเงิน LPG นำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯในภาคอุตสาห กรรมอีก 14.02 บาท/ก.ก. มีผลทำให้ราคาขายปลีกก๊าซในภาคนี้เพิ่มขึ้นอีก 15 บาท/ก.ก. (รวม VAT) หรือจากเดิมราคา 18.13 บาท/ ก.ก.เป็น 33.13 บาท/ก.ก.
4) ขึ้นราคาก๊าซ LPG ทุกภาคส่วน แต่มีเงื่อนไขให้ขึ้นราคาเฉพาะภาคครัวเรือนเพียงครึ่งหนึ่งของราคาภาค อุตสาหกรรมและขนส่ง ด้วยการเพิ่มอัตราเงิน LPG นำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯในภาคครัวเรือนอีก 2.11 บาท/ก.ก. ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซเพิ่มขึ้น 2.26 บาท/ก.ก. (รวม VAT) หรือจากเดิมราคา 18.13 บาท/ก.ก. เป็น 20.39 บาท/ก.ก. เท่ากับก๊าซหุงต้มขนาด 15 ก.ก. จากเดิมถังละ 271.95 บาท ปรับขึ้นเป็นถังละ 305.85 บาท กับปรับเพิ่มอัตราเงิน LPG นำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯในภาคขนส่ง-อุตสาหกรรมอีก 4.22 บาท/ก.ก. ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซใน 2 ภาคนี้เพิ่มขึ้นเป็น 4.52 บาท/ก.ก. (รวม VAT) หรือจากราคา 18.13 บาท/ก.ก.เป็น 22.65 บาท/ก.ก.
5) ขึ้นราคาก๊าซ LPG ทุกภาคส่วน แต่มีเงื่อนไขให้กองทุนน้ำมันฯออกมารับภาระไว้ครึ่งหนึ่ง โดยภาคครัวเรือนปรับเพิ่มอัตราเงิน LPG นำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯอีก 1.06 บาท/ก.ก. ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซเพิ่มขึ้น 1.13 บาท/ก.ก. (รวม VAT) หรือจากเดิม 18.13 บาท/ก.ก.เป็น 19.26 บาท/ก.ก. เท่ากับก๊าซหุงต้มขนาด 15 ก.ก. จากเดิมถังละ 271.95 บาท ปรับขึ้นเป็นถังละ 288.90 บาท กับปรับเพิ่มอัตราเงิน LPG นำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯในภาคขนส่ง-อุตสาหกรรมอีก 2.11 บาท/ก.ก. ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซใน 2 ภาคนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2.26 บาท/ก.ก. (รวม VAT) หรือจากราคา 18.13 บาท/ก.ก.เป็น 20.39 บาท/ก.ก.
วิธีที่สอง การขึ้นราคาก๊าซ LPG ณ หน้าโรงกลั่นใหม่นั้น จะกำหนดราคา LPG ณ หน้าโรงกลั่น จะใช้สูตรต้นทุนการผลิตจากโรงแยกก๊าซร้อยละ 75 บวกต้นทุนการผลิตจากโรงกลั่นร้อยละ 25 ยกตัวอย่างต้นทุนการผลิตก๊าซจากโรงแยกที่ 420 เหรียญ/ตัน และราคาก๊าซจากโรงกลั่นเท่ากับ 725 เหรียญ/ตัน (เท่ากับราคาตลาดโลก) เมื่อคำนวณออกมาแล้วจะได้ราคาก๊าซ ณ โรงกลั่นใหม่ที่ 496 เหรียญ/ตัน ซึ่งสูงกว่าราคาหน้าโรงกลั่นปัจจุบันที่ถูก fix ไว้ที่ 333 เหรียญ/ตันถึง 163 เหรียญ/ตัน ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG ในประเทศปรับราคาสูงขึ้นตามสูตรนี้ จาก 18.13 บาท/ก.ก.เป็น 23.82 บาท/ก.ก. เท่ากับก๊าซหุงต้มขนาด 15 ก.ก.จะมีราคาจำหน่ายปลีกอยู่ที่ 357.30 บาททันที
" หากรัฐบาลเลือกที่จะใช้วิธีการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ณ หน้าโรงกลั่น ซึ่งสะท้อนต้นทุนมากที่สุด โดยที่ไม่ต้องอาศัยกลไกจากกองทุนน้ำมันฯเข้ามาอุดหนุนแล้ว ผู้บริโภคทุกภาคส่วนจะได้รับผลกระทบจากก๊าซขึ้นราคามากที่สุด ซึ่งวิธีการนี้แน่นอนว่าบริษัท ปตท.ในฐานะผู้ผลิตและนำเข้าก๊าซ LPG จะต้องพึงพอใจมากที่สุดดังนั้นเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคต้องรับผลกระทบ จากการยกเลิกการอุดหนุนราคาก๊าซมาอย่างยาวนาน วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การเลือกใช้การปรับขึ้นราคา 1 ใน 5 แนวทางที่กระทรวงพลังงานนำเสนอ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจทางการเมืองตามมาตราบรรเทาผลกระทบด้านพลังงาน ของรัฐบาลในอีก 6 เดือนข้างหน้าเป็นสำคัญ"แหล่งข่าวกล่าว
ที่มา : วันที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4225 ประชาชาติธุรกิจ
www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02p0101080753§ionid=0201&day=2010-07-08