หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
หน้าหลัก
|
หน้าแรก
|
ค้นหาร้านติดแก๊ส
|
ค้นหาผู้จำหน่ายอุปกรณ์แก๊ส
|
ปั้มแก๊ส
|
โปรแกรมจูนแก๊ส
|
สถานการณ์น้ำมัน
|
รถมือสอง
|
คลิปวีดีโอ
ไอเว็บแก๊ส
>
ชุมชนคนใช้แก๊ส LPG (แอลพีจี) - NGV/CNG เชิญห้องสนทนานี้
>
บอร์ดกลาง Gas LPG-NGV และสาระความรู้
> หัวข้อ:
LPG ชี้เอื้อกลุ่มปิโตรเคมีจริงหรือไม่..แล้วทำไมต้องขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
LPG ชี้เอื้อกลุ่มปิโตรเคมีจริงหรือไม่..แล้วทำไมต้องขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี
เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2013, 04:45:55 PM
wweza67
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 10
LPG ชี้เอื้อกลุ่มปิโตรเคมีจริงหรือไม่..แล้วทำไมต้องขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี
«
เมื่อ:
พฤษภาคม 07, 2013, 04:45:55 PM »
ปัจจุบันประเทศไทยขาดแคลน LPG!!!! สาเหตุจากปริมาณการใช้ LPG ของภาคครัวเรือน ภาคขนส่งภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการควบคุมราคา LPG ไว้ต่ำกว่าราคาตลาดโลกและต่ำกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นเป็นระยะเวลานานมากว่า 30 ปี เป็นภาระต่อกองทุนน้ำมันจำนวนนับหลายแสนล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามหลายๆ คนก็ยังตั้งประเด็นสงสัยในเรื่องของ
LPG ชี้เอื้อกลุ่มปิโตรเคมี
จริงหรือไม่ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2523 ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนให้มีการนำก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นทรัพยากรของประเทศมาใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และก่อประโยชน์ได้มากกว่าการนำก๊าซธรรมชาติที่มีคุณค่าไปเผาเป็นเชื้อเพลิง โดยที่ราคาจำหน่ายก๊าซ LPG เป็นวัตถุดิบให้ภาคปิโตรเคมีเป็นไปตาม กลไกตลาด ไม่เคยได้รับการอุดหนุนหรือชดเชยจากภาครัฐนับตั้งแต่อดีต หลักการคำนวณราคาก๊าซฯ และค่าผ่านท่อนั้นได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและได้เผยแพร่เป็นประกาศโดย กพช. ใน Website สนพ. ตั้งแต่ 2544 รวมทั้งประกาศดังกล่าวได้แนบไว้ในหนังสือชี้ชวนขายหุ้นสามัญ ปตท เพื่อให้นักลงทุนทราบ ดังนั้นไม่มีการรวบรัดจัดทำคู่มือการคำนวณดังกล่าวตามที่กล่าวอ้าง โดยคู่มือเป็นเพียงการระบุให้ลดผลตอบแทนการลงทุนจาก 16% เป็น 12.5% ตามมติคณะรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ค่าผ่านท่อใหม่ปรับลดลงเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งคู่มือมีการเผยแพร่ใน Website เช่นกัน ไม่มีการปิดบังแต่ประการใด
ปัญหาราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) นับเป็นปัญหาที่รอการแก้ไขมานานของรัฐบาลชุดต่างๆ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ในปี 2534 รัฐบาลสมัยคุณอานันท์ ปันยารชุน ได้ประกาศยกเลิกการควบคุมราคาน้ำมันทุกชนิดให้ลอยตัวตามตลาดโลก ยกเว้น LPG และต่อมาในปี 2544 ได้ปรับราคา LPG เป็น "กึ่งลอยตัว" โดยยังคงควบคุมราคา ณ โรงกลั่น ซึ่งเป็นราคาขายของผู้ผลิตทั้งจากโรงกลั่นและโรงแยกก๊าซ แต่ปล่อยให้ราคาขายปลีกและค่าการตลาดให้ผู้ค้าก๊าซเป็นผู้กำหนดและต่อมา ในรัฐบาลหลายสมัยได้มีความพยายามแก้ไขปัญหา LPG แต่ก็มีอันเป็นต้องเลื่อนออกไป จนล่าสุดในสมัยรัฐบาล คมช. ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ก็ได้มีแนวทางแก้ปัญหา โดยยกเลิกการชดเชยพร้อมกับปรับหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นให้สะท้อนต้นทุนผลิตจากโรงแยกก๊าซ (60%) และราคาส่งออก (40%) แต่ต่อมานโยบายดังกล่าวก็ถูกยกเลิกไปในสมัยรัฐบาลคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์
วันนี้ท่ามกลางความสนใจในประเด็นการเสนอปรับราคา LPG ของกระทรวงพลังงานได้เกิดความสับสนและความเข้าใจคลาดเคลื่อนในประเด็นที่มีการเข้าใจผิด ดังนี้
1. มีการเข้าใจผิดที่ว่าประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซ LPG ได้เพียงพอและยังเหลือส่งออกอีกด้วยจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้า
ข้อเท็จจริง :
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 ประเทศไทยยังไม่ประสบปัญหาการขาดแคลน LPG ผู้ผลิตจึงยังมี LPG ส่งออกเฉลี่ย 5,000 ตันต่อเดือน อย่างไรก็ดี ไทยเริ่มขาดแคลน LPG ตั้งแต่เดือนเมษายน 2551 เป็นต้นมา โดยมีปริมาณนำเข้ารวมระหว่างเดือนเมษายน-ธันวาคม 2551 รวม 450,000 ตัน
สำหรับสาเหตุที่ว่า ทำไมไทยยังมีการส่งออก LPG ทั้งๆ ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศนั้นเป็นเพราะประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถนำเข้า LPG ได้เอง รัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้าน อาทิเช่น ลาวและพม่าจึงได้ขอความช่วยเหลือผ่านรัฐบาลไทย ให้ช่วยนำเข้าแทนสำหรับส่งต่อไปยังประเทศผู้ร้องขอ โดยปริมาณนำเข้าเพื่อส่งไปยัง ลาวและพม่า นั้น ผู้นำเข้าจะไม่ได้รับการชดเชยเงินจากกองทุนน้ำมันฯ
2. มีการเข้าใจผิดที่ว่าการขาดแคลน LPG เกิดจากการที่ ปตท.สร้างโรงแยกก๊าซไม่เพียงพอ
ข้อเท็จจริง :
การขาดแคลน LPG ในปี 2551 เกิดจากความต้องการ LPG ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดการณ์ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมราคาของภาครัฐ โดยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาตลาดโลกและประเทศเพื่อนบ้าน โดยในปี 2548-2551 ในขณะที่ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การใช้ LPG เป็นเชื้อเพลิงสูงขึ้นถึง 15% โดยเฉพาะในภาคขนส่งสูงขึ้นถึง 37%
ทั้งนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้นให้ทันต่อความต้องการดังกล่าว เนื่องจากการก่อสร้างโรงแยกก๊าซจะต้องมีการวางแผนล่วงหน้า และทำการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งถ้าหากย้อนหลังกลับไปในปลายปี 2547 ตอนเริ่มวางแผนสร้างโรงแยกก๊าซ หน่วยที่ 6 ความต้องการ LPG เป็นเชื้อเพลิงขณะนั้นอยู่ในระดับ 2.2 ล้านตัน และประเทศไทยยังมีการส่งออก LPG ปีละเกือบ 1 ล้านตัน ซึ่งคาดการณ์ในตลาดขณะนั้นว่าเมื่อโรงแยกก๊าซ หน่วยที่ 6 แล้วเสร็จประมาณปี 2553 ปริมาณส่งออกจะสูงถึง 1.8-2.0 ล้านตัน/ปี แต่ในปี 2551 ที่ผ่านมา ความต้องการ LPG เป็นเชื้อเพลิงสูงถึง 3.6 ล้านตัน ทำให้ต้องมีการนำเข้ากว่า 4 แสนตัน ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ซึ่งหากการขยายตัวยังอยู่ในอัตราปัจจุบัน แม้จะมีการขยายโรงแยกก๊าซก็ไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และต้องมีการนำเข้า LPG ต่อไป หากไม่มีการแก้ปัญหาให้ถูกจุด
3. มีการเข้าใจผิดที่ว่าการเสนอปรับขึ้นราคา LPG ในครั้งนี้ เป็นการสวนกระแสกับราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่ร่วงลงมา 60% จากกลางปีที่ผ่านมา
ข้อเท็จจริง :
การขึ้นราคา LPG ในครั้งนี้ ไม่เป็นการสวนกระแสกับราคาก๊าซในตลาดโลกที่ร่วงลงมา 60% จากกลางปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเสนอปรับขึ้นราคา LPG ในครั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาที่เรื้อรังมานาน จนทำให้การใช้ LPG บิดเบือน ไม่เกิดประสิทธิภาพ และทำให้ต้องมีการนำเข้าและเป็นภาระของรัฐบาลมากขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันราคา LPG ในตลาดโลกลดลงมาอยู่ที่ 380 ดอลลาร์/ตัน แต่หากบวกค่าขนส่งถึงประเทศไทยก็จะอยู่ที่ 430 ดอลลาร์/ตัน และต้องนำมาจำหน่ายในราคาควบคุมที่ 10.996 บาท/กิโลกรัม หรือ 314 ดอลลาร์/ตัน (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาท/ดอลลาร์) ทำให้รัฐยังคงรับภาระอยู่อีกประมาณกว่า 100 ดอลลาร์/ตัน หรือประมาณ 4 บาท/กิโลกรัม ในขณะที่การปรับขึ้นราคาภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเพียง 2.70 บาท/กิโลกรัม
4. มีการเข้าใจผิดที่ว่าการเสนอปรับขึ้นราคา LPG 2.70 บาทต่อกิโลกรัมนั้น ผู้ผลิต LPG คือ โรงแยกก๊าซและโรงกลั่น ได้รับประโยชน์ในส่วนนี้
ข้อเท็จจริง :
รัฐเป็นผู้รับผลประโยชน์จากการเสนอปรับราคา LPG ดังกล่าวเนื่องจากข้อเสนอของกระทรวงพลังงานในการปรับราคา LPG ขึ้น 2.70 บาท/กิโลกรัม ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมนั้น เป็นการปรับเพิ่มขึ้นของกองทุนน้ำมันฯ จำนวน 2.52 บาท/กิโลกรัม และอีก 0.18 บาท/กิโลกรัมเป็นส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยผู้ผลิตทั้งโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการขึ้นราคาขายในครั้งนี้แต่ประการใด โดยรัฐยังคงควบคุมโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นเท่าเดิมที่ 10.996 บาท/กิโลกรัม หรือ 314 ดอลลาร์/ตัน ซึ่งผู้ผลิตยังคงต้องรับภาระส่วนต่างของราคาตลาดโลกกับราคาควบคุมอยู่ต่อไป
ดังนั้นส่วนต่างของราคาขายปลีกหลังการปรับราคากับราคาตลาดโลก จะเป็นส่วนที่รัฐเก็บในรูปภาษีต่างๆ และกองทุน 6.60 บาท/กิโลกรัม ผู้ค้าน้ำมันตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าจะได้ค่าการตลาด 3.30 บาท/กิโลกรัม ในขณะที่ผู้ผลิตต้องรับภาระกว่า 2.30 บาท/กิโลกรัม
สรุปการเสนอปรับราคา LPG ในภาคขนส่งอุตสาหกรรม จึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบายการแก้ปัญหาราคา LPG และเพื่อให้เกิดการใช้ LPG เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อประเทศสูงสุด และลดการนำเข้าโดยผู้ผลิต LPG มิได้มีส่วนได้รับประโยชน์อันใดจากการปรับขึ้นราคาดังกล่าว
ที่มา :
http://www.xn--72caab2fl6azbbby8lpav6ezjxc.com/
บันทึกการเข้า
LPG ชี้เอื้อกลุ่มปิโตรเคมีจริงหรือไม่..แล้วทำไมต้องขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี
ตอบ #1
เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2013, 10:13:07 AM
Mr.แก๊ส
Hero Member
ออฟไลน์
กระทู้: 5015
Re: LPG ชี้เอื้อกลุ่มปิโตรเคมีจริงหรือไม่..แล้วทำไมต้องขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี
«
ตอบ #1 เมื่อ:
พฤษภาคม 08, 2013, 10:13:07 AM »
มติ ครม.ปี 51 ในเรื่อง
หลักการจัดสรรการผลิตก๊าซ LPG ในประเทศ จะถูกจัดสรรไปให้กับ ภาคครัวเรือนและปิโตรเคมีเป็นลำดับแรก และจัดสรรให้ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเป็นลำดับต่อไป
ทั้งนี้ หากปริมาณการผลิตก๊าซ LPG ที่เหลือจากการจัดสรรให้กับภาคครัวเรือนและปิโตรเคมีไม่เพียงพอ กับ ความต้องการใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมให้มีการนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศมารองรับกับความต้องการใช้ในส่วนที่ขาด
มติ ครม.ปี 51 www.eppo.go.th/nepc/kpc/kpc-122.htm#2
สมัยก่อนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงไม่สูงอย่างทุกวันนี้ ราคา LPG สมัยนั้นกับน้ำมัน ส่งผลให้ปริมาณ LPG ล้นตลาด ไม่ก่อให้เกิดแรงจูงใจในการใช้กับรถยนต์ส่วนตัว และภาคขนส่ง จึงทำให้ผู้ใช้ไม่สนใจติดตั้งระบบแก๊ส แต่ในปัจจุบันทั้งประชากร และ ความเจริญเติบโตเพิ่มมากขึ้น ทั้งภาคครัวเรือน จำนวนรถยนต์ก็เพิ่มมากตามด้วย การใช้พลังงานยอมมากขึ้นตาม จึงเกิดการแย่งชิงพลังงานชนิดนี้ที่ทุกฝ่ายต้องการที่ราคาถูกเพื่อนำมาใช้เป็นต้นทุนการผลิต และชิงความได้เปรียบ กับการออกนโนบายสนับสนุนจากรัฐเป็นทุน ตามมติ ครม.ปี 51 จุดนี้เอง ประชาชนจึงมองว่า เกิดความไม่เป็นธรรม ปัญหามาจาก นโนบายรัฐเอื้อกับธุรกิจ มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน สืบเป็นมรดกตกทอด การปรับราคาฝ่ายผู้ใช้ ภาคขนส่ง และ ภาคอุตสาหกรรม เสียงส่วนใหญ่ที่ไม่เน้นประเด็นการเมือง นำเรื่องพลังงาน มาปั่นกระแส ประชาชนกลุ่นนี้ ยินดี และ ยอมรับการปรับราคาที่เป็นจริง และ ชอบธรรม แต่ถึงอย่างไร ถึงแม้ปรับราคา LPG ไม่เป็นภาระกองทุนน้ำมัน หรือแม้ยกเลิกกองทุนน้ำมันไป ประชาชนก็ไม่เชื่อว่า ราคาพลังงานจะลดลง ฝ่ายรัฐก็ออกมาตรการ ที่จะเก็บเงิน จากพลังงานอยู่ดี ในมุมมองที่ว่า
พลังงาน กับ การเมือง และ ผลประโยชน์ มันแยกกันไม่ออก หากไม่มีการแก้ปัญหาให้ถูกจุด
** เรื่อง LPG ต้องแก้ลำดับความสำคัญการจัดสรร LPG ให้เป็นธรรมเสียก่อน ประชาชนรู้ว่าภาคไหนใช้ LPG มากที่สุด รองลงมาคือภาคไหน การเพิ่มปริมาณการใช้ภาคไหนเติมโตสูงที่สุด อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้เกิดปัญหา การแย่งชิงพลังงาน โดยทุกๆ รัฐบาลทำทุกวิธีการอย่างไรต้องให้ภาคขนส่งไม่ใช้ LPG **
มติครม-lpg.jpg
(84.98 KB, 750x95 - ดู 342 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
ชุมชนคนใช้แก๊ส LPG (แอลพีจี) - NGV/CNG เชิญห้องสนทนานี้
-----------------------------
=> บอร์ดกลาง Gas LPG-NGV และสาระความรู้
===> กลุ่มผู้ใช้ AC Autogas
===> กลุ่มผู้ใช้ Europegas
===> AG Gas Thailand / GT Autogas Thailand
===> กลุ่มผู้ใช้ Fobos
===> กลุ่มผู้ใช้ Autronic/Easy Jet/Autogas Vento
=> บอร์ดซื้อขาย อุปกรณ์แก๊สรถยนต์ อะไหล่ยนต์
=> ชุมชน คนใช้รถไฟฟ้า EV
=> ห้องนั่งเล่น พูดคุยเรื่องทั่วไป (ห้ามขายสินค้า)
=> ห้องคนรักสุขภาพ Healthy
ค้นหาข้อมูลใน iwebgas
www.Stats.in.th
Powered by SMF 1.1.20
|
SMF © 2006-2008, Simple Machines
|
Thai language by ThaiSMF
Web 2.0 Design by
HTWorks
| Ported to SMF by
BrKn*
|
|
กำลังโหลด...