วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552 เวลา 21:46:12 น. มติชนออนไลน์
ครม.อนุมัติขึ้นภาษีดีเซล-เบนซิน- 5 บาทต่อลิตร ลดแก๊สโซฮอล์ 1ก.พ.เบนซินขึ้นทันที-ดีเซลทยอยขึ้น ขยายเงินว่างงานเป็น 8 ด. ครอบคลุมถึงผู้ตกงานสูงถึง 5.1 หมื่นคนเห็นชอบผ่านงบฯ 120 ล้านบาทเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน "ไพฑูรย์" ยันดินหน้าลดเงินสมทบสปส. ร้อยละ 2.5 ม็อบชาวนาเฮ อนุมัติ 600ล.ซื้อที่ดินคืนเกษตรกร (ดูตารางอัตราภาษีประกอบ)
ขึ้นภาษีดีเซล-เบนซิน-ลดแก๊สโซฮอล์คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 28 มกราคม อนุมัติตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังในการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันใหม่ หลังจากการดำเนิน 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยของรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่ยกเว้นการเก็บภาษีสรรพสามิต และจะสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคมนี้
โดยอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันใหม่ ประกอบด้วย เบนซิน 91 และ 95 ที่อัตราภาษีก่อนดำเนินมาตรการดังกล่าว อยู่ที่ 3.685 บาทต่อลิตร เป็น 5 บาทต่อลิตร ดีเซล ในส่วนของกำมะถันต่ำ เดิมอยู่ที่ 2.305 บาทต่อลิตร เป็น 3.305 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันกำมะถันสูง เดิม 2.405 บาทต่อลิตร เป็น 4 บาทต่อลิตร
ขณะเดียวกัน ได้ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ อี 10 เดิมอยู่ที่ 3.3165 บาทต่อลิตร เป็น 3.317 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี 85 เดิม 2.5795 บาทต่อลิตร เป็น 0.75 บาทต่อลิตร เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันประเภทนี้มากขึ้น ส่วนของไบโอดีเซล หรือบี 5 อัตราเดิม 2.1898 บาทต่อลิตร เป็น 2.190 บาทต่อลิตร
นายศุภรักษ์ ควรหา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมครม.ว่า อัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป ส่วนแก๊สโซฮอล์ อี 20 ที่ประชุมยังไม่มีการพิจารณารายละเอียด เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานขอนำข้อมูลกลับไปศึกษารายละเอียดอีกครั้ง แต่คาดว่าจะมีการปรับลดราคาใกล้เคียงกับอี 85 ที่จัดเก็บลิตรละ 0.75 บาท เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันประเภทนี้มากขึ้น
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในที่ประชุม หลังจากที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ชี้แจงการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันแต่ละประเภท ซึ่งในส่วนอี 20 จะปรับเพิ่มเป็นลิตรละ 3.317 บาท เท่ากับน้ำมันอี 10 แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ทักท้วงว่าอี 20 มีส่วนผสมเอทานอลจำนวนมาก และปัจจุบันมีรถที่หันมานิยมใช้รถยนต์ประเภทนี้แล้ว จึงไม่ควรเก็บภาษีในอัตราสูง จึงขอให้กระทรวงการคลังทบทวนเรื่องดังกล่าว นายกรณ์จึงแจ้งว่าจะหารือกับรัฐมนตรีพลังงานนอกรอบอีกครั้ง
1 ก.พ.เบนซินขึ้นทันที-ดีเซลขยักขึ้นนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลังการปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันใหม่จะทำให้รัฐมีรายได้กลับเข้ามาภายในปี 2552 จำนวน 12,571 ล้านบาท ส่วนการควบคุมดูแลราคาสินค้าที่จะมีผลจากการปรับราคาน้ำมันนั้น นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลต่อไป
สำหรับดีเซลหลังอัตราภาษีใหม่มีผลบังคับใช้ คงจะไม่ปรับขึ้นราคาในครั้งเดียว อาจจะมีการทยอยปรับ เนื่องจากมีกองทุนน้ำมันพยุงราคาไว้ก่อน แต่ในส่วนของเบนซินคงจะปรับขึ้นในครั้งเดียว เพราะไม่มีกองทุนน้ำมันช่วยพยุงราคา
กบง.ถกราคาน้ำมันใหม่ 29 ม.ค.52แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าหลังจากปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันแล้ว ราคาขายปลีกน้ำมัน ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะเป็นเท่าไร เพราะราคาน้ำมันเกี่ยวข้องอยู่ 2 ส่วน คือภาษีสรรพสามิตและงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งในส่วนภาษีสรรพสามิต กระทรวงการคลังคงเรียกเก็บเต็มที่เพื่อชดเชยรายได้รัฐบาล แต่เงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯนั้น เชื่อว่าคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในวันที่ 29 มกราคมนี้ จะมีการพิจารณาอีกครั้ง เพราะต้องคำนึงถึงกระทบที่เกิดกับประชาชนด้วย และก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานก็เคยออกมาระบุว่าจะพยายามทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมัน ไม่ใช่ให้ปรับขึ้นภายในครั้งเดียว
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า กระทรวงการคลังได้ประเมินผลที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากการปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันว่า จะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนปรับไปใช้พลังงานทดแทนที่มาจากพืชการเกษตรในประเทศมากขึ้น ช่วยเสริมสร้างรายได้เกษตรกร และบรรเทาผลกระทบจากเศรษฐกิจในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ในภาวะที่ชะลอตัวได้ โดยรัฐบาลคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละ 1,572 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากเบนซิน 391 ล้านบาท และดีเซล 1,181 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงพลังงานใช้กลไกกองทุนน้ำมัน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมัน โดยให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด และให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลป้องกันการกักตุนน้ำมัน เพื่อจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้นด้วย