ส่วนตัวเห็นด้วย และ อยากให้ฟ้องจริงๆ และเร็วๆ เพื่อรออ่านบรรยายฟ้อง รวมทั้งการนำสืบข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่าย มาหักล้างกัน และรอดูว่าศาลปกครองท่านจะมีคำพิพากษา ออกมาอย่างไร ด้วยประการนี้เพื่อให้ทราบข้อมูลที่ผ่านมา จึงนำมาให้อ่านกันเพราะเรื่องนี้มิใช่เรื่องใหม่ หรือมีอะไรน่าตื่นเต้น ก่อนคู่ข้างบน เปิดเกม รอบใหม่
คำฟ้องเรื่องค่าก๊าซลอยตัวที่มา :
www.parent-youth.net/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=parent-youthnet&thispage=1&No=385233คำร้องสอด และ ขอไต่สวนฉุกเฉิน
คดีหมายเลขดำที่ 990 /2550
คำร้องอุทธรณ์ที่ 554/ 2550
ศาลปกครองสูงสุด
วันที่ 13 เดือน ธันวาคม พุทธศักราช 2550
ข้าพเจ้า พท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธุศรี ผู้รับมอบอำนาจ จาก นางเพ็ญจิต ปัญญวรรณศิริ ที่ 1 กับพวกรวม 9 คน ผู้ฟ้องคดี
ข้าพเจ้าใคร่ขออนุญาตต่อศาล ขอฟ้องเพิ่มเติม และขอไต่สวนฉุกเฉิน ใน คดีนี้ดังนี้
1 รัฐธรรมนูญ พศ 2550 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้
1.1 รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2550 มาตรา3 มาตรา4 มาตรา5 มาตรา6 มาตรา26 มาตรา27 มาตรา28 มาตรา29 มาตรา30
มาตรา57 มาตรา59 มาตรา 66 สิทธิของบุคคลที่จะมี ส่วนร่วม กับรัฐและชุมชนในการอนุรักษ์บํารุงรักษา และการไดประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ มาตรา73 มาตรา81 มาตรา87
1.3 พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ เจ้าหน้าที่ หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือ ผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
หน่วยงานของรัฐ หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา
1.4 พระราชบัญญัติ กำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 ให้ไว้ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522
มาตรา 15 ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดขึ้นในกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นเลขาธิการโดยตำแหน่ง เป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานและมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(3) ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าควบคุมและสอดส่องพฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจควบคุม แล้วรายงานต่อคณะกรรมการกลาง
มาตรา 23 เพื่อป้องกันการกำหนดราคาซื้อ ราคาขาย หรือการกำหนดเงื่อนไขและวิธีปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรม คณะกรรมการกลางด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีอำนาจประกาศกำหนดให้สินค้าใดเป็นสินค้าควบคุมได้
ในที่นี้ น้ำมันเป็นสินค้าควบคุม ตามประกาศ ของกระทรวงพาณชย์ โดย นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงมาตรการดูแลราคาสินค้า ทั้งนี้สินค้าควบคุม 26 รายการในปัจจุบัน เช่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว, น้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่สินค้าติดตามดูแล 150 รายการ เช่น ก๊าซหุงต้ม, น้ำมันหล่อลื่น, ฯลฯ เอกสารแนบ....1
(.ข่าวประจำวันที่ 24 เมษายน 2549 แหล่งที่มา เดลินิวส์)
มาตรา 24 เมื่อได้มีการประกาศกำหนดสินค้าควบคุมตามมาตรา 23 แล้ว ให้คณะกรรมการมีอำนาจ ดังต่อไปนี้
(1) กำหนดราคาซื้อหรือราคาขายสินค้าควบคุม ให้ผู้ซื้อซื้อในราคาไม่ต่ำกว่าราคาที่กำหนด หรือให้ผู้จำหน่ายจำหน่ายในราคาไม่สูงกว่าราคาที่กำหนด หรือตรึงราคาไว้ในราคาใดราคาหนึ่ง
(2) กำหนดอัตรากำไรสูงสุดต่อหน่วยของสินค้าควบคุมที่ผู้จำหน่ายจะได้รับจากการจำหน่ายสินค้าควบคุม หรือกำหนดอัตราส่วนแตกต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายสินค้าควบคุมในแต่ละช่วงการค้า
มาตรา 25 ให้คณะกรรมการกลางมีอำนาจประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาให้ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายสินค้าควบคุมแจ้งราคาซื้อ ราคาขายสินค้าควบคุม ชื่อสินค้าควบคุม ชื่อและปริมาณวัตถุอันเป็นส่วนประกอบ มาตรฐาน คุณภาพ ขนาด ปริมาณ และน้ำหนักต่อหน่วยของสินค้าควบคุมตามที่เป็นอยู่ในวันที่คณะกรรมการกลางกำหนด และห้ามมิให้เปลี่ยนแปลงราคา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเลขาธิการตามระเบียบที่คณะกรรมการกลางกำหนด ในการนี้เลขาธิการจะกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายสินค้าควบคุมแจ้งแผนการเปลี่ยนแปลงราคาหรือส่วนลดในการจำหน่ายสินค้าควบคุมต่อเลขาธิการด้วยก็ได้
แต่คณะกรรมการ ไม่ได้เปิดเผยข้อเท็จจริง สู่สาธารณะ ให้ทราบกันโดยทั่วไปเพียงแต่ ที่ประกาศให้สังคมรับรู้คือ ค่าการตลาดที่อ้างว่าต่ำจนติดลบ เพื่อให้เกิดวามชอบธรรมในการขึ้นราคาน้ำมัน
1.5 พระราชบัญญัติ การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542
มาตรา 18 ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าขึ้นในกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นเลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชา และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงาน
มาตรา 25 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดกระทำการในลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง
มาตรา 26 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจกระทำการรวมธุรกิจ อันอาจก่อให้เกิดการผูกขาดหรือความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ
มาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจใดร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจอื่นกระทำการใด ๆ อันเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในตลาดสินค้าใดสินค้าหนึ่ง หรือบริการใดบริการหนึ่งในลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) กำหนดราคาขายสินค้าหรือบริการเป็นราคาเดียวกัน หรือตามที่ตกลงกัน หรือจำกัดปริมาณการขายสินค้าหรือบริการ
(2) กำหนดราคาซื้อสินค้าหรือบริการเป็นราคาเดียวกัน หรือตามที่ตกลงกัน หรือจำกัดปริมาณการรับซื้อสินค้าหรือบริการ
(3) ทำความตกลงร่วมกันเพื่อเข้าครอบครองตลาดหรือควบคุมตลาด
(4) กำหนดข้อตกลงหรือเงื่อนไขในลักษณะสมรู้กัน เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งได้รับการประมูลหรือประกวดราคาสินค้าหรือบริการ หรือเพื่อมิให้ฝ่ายหนึ่งเข้าแข่งขันราคาในการประมูลหรือประกวดราคาสินค้าหรือบริการ
ข้อ 2 . ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 9 คน รวมทั้ง ประชาชน โดยทั่วไป เป็นผู้ใช้น้ำมันจาก บมจ. ปตท. และผู้ใช้ไฟฟ้า ผู้ใช้ก๊าซหุงต้ม โดยการ อนุมัติ อนุญาตให้ขึ้นราคาหรือควบคุมราคา จากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือองค์กรของรัฐ และ ผู้ฟ้องคดี มีฐานะเป็นประชาชนคนไทย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ย่อมได้รับการคุ้มครอง ตามมาตรา 4,5,6 ให้การรับรองเรื่องสิทธิเสรีภาพ และ ภราดรภาพ
ผู้ถูกฟ้องที่ 1 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องที่ 2. คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องที่ 3. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ผู้ถูกฟ้องที่ 4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผู้ถูกฟ้องที่ 7. คณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ (กกร) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10 บมจ. ปตท.
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีฐานะเป็นบริษัท ผู้ประกอบการปิโตรเลียมภายในหรือนอกประเทศ เป็นหน่วยงานของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และเป็นผู้ประกอบการปิโตรเลียมภายในหรือนอกประเทศ ได้รับสัมปทานจากรัฐ เป็นผู้ขายหรือผลิตน้ำมัน ( ซึ่งเป็นสินค้าควบคุม ภายใต้การกำกับของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ) และก๊าซรายใหญ่ของประเทศ ซึ่ง เสนอข้อเท็จจริงในการขึ้นราคาน้ำมันต่อเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐโดยตรง จึงถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็น คู่กรณีโดยตรงกับประชาชนทั่วไป
สำหรับราคาน้ำมันผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 1 ได้มีคำสั่งที่ 4/2545 แต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ลงวันที่ 19 ธค. 2545 ซึ่งมี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เป็น ประธานกรรมการ (มีกรรมการและเลขานุการคือ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ผู้ถูกฟ้องดีที่ 3 ) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ควบคุมกำหนดราคา และอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง, เสนอนโยบาย และมาตรการราคาพลังงาน ต่างๆ กำกับการเปลี่ยนแปลงค่าไฟฟ้าเอฟที และอื่นๆตามที่ ผู้ถูกฟ้องดีที่ 1 มอบหมายในปัจจุบัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10 และผู้ค้าน้ำมัน ทั้งหมดในประเทศ เป็นผู้กำหนด ราคาน้ำมันและควบคุมราคากลไกการตลาด ภายใต้การกำกับ ของ ผู้ถูกฟ้องที่1,3, 4 ,7,8 ซึ่ง เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ตามกฎหมายในการควบคุมตรวจสอบ กำกับ อนุมัติ เสนอ มาตรการกำหนดราคาน้ำมัน ในรูปของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ซึ่งปตท. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10 ได้นำเสนอ ข้อมูล สู่สาธารณะ บนพื้นฐานที่ไม่ถูกต้อง คือ ไม่แจ้งแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ราคาค่าการกลั่น + ต้นทุน นำเสนอข้อมูล ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ,4 และที่ 1 โดยอาศัยมติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ให้ลอยตัวค่าน้ำมัน เมื่อวันที่ 21 พค. 2534 และมอบ การควบคุมกำกับ ดูแล การเสนอเกณฑ์ ราคาน้ำมัน ภายใต้ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ที่มีผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เป็นประธาน และ แต่งตั้ง โดยอำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1
การบริหารและกำกับ ควบคุม ดูแลของผู้ถูกฟ้อง คดี ที่1,2,3,4,7,8 มีการละเลยทำให้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10 และกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน ได้ใช้ช่องว่างของการประกาศ การปรับน้ำมันลอยตัว จาก มติ ครม. และประกาศ ของผู้ถูกฟ้อง 1,2,3,4, เอื้อประโยชน์ ให้มีกำไร ต่อ โรงกลั่นน้ำมันต่างๆ ที่มีเอกชนถือหุ้น หรือเป็นของเอกชน ในสัดส่วน 40- 100 % รวมทั้งคณะกรรมการบางคน มีผลประโยชน์ทับซ้อน ยังผลให้ โรงกลั่นกำไรมหาศาล
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10 และ 4 ได้ปกปิด หมกเม็ด ข้อมูล สู่สาธารณะ เพื่อเอื้อประโยชน์ และ ป้องกันการคัดค้านการขึ้นราคาน้ำมันจากประชาชน โดยนำเสนอข่าว อ้างอิงราคาน้ำมัน ที่เท็กซัส หรือราคาน้ำมันตะวันตก ว่าราคาเพิ่มขึ้น และ อ้างอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ ตามมติ และประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ,2, 3,4 แต่ข้อเท็จจริงคือพลังงานที่ใช้ในประเทศ ขุดได้ในประเทศ เกือบ 50 % และซื้อจากตะวันออกกลางอีกส่วนหนึ่ง และไม่เปิดเผยตัวเลข เป็นภาษาไทย หรือเป็นบาทต่อลิตร แต่มักเป็นเหรียญ ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ (หนึ่งบาเรลล์ประมาณ 160 ลิตร) รวมทั้ง ไม่เปิดเผยกำไรค่าการกลั่นเท่าใดต่อผลิตภัณฑ์ แต่มักบอกเป็นราคากำไรหน้าปัมพ์ ที่ถูกควบคุมราคา และแจ้งต่อสาธารณะ
และร่วมกับ ผู้ผลิตน้ำมันเอกชน รายอื่นๆ เพื่อ ฮั้วราคาหน้าปัมพ์ เช่นเอสโซ่ ซึ่งจะเห็นว่าปัจจุบัน ราคาน้ำมันหน้าปัมพ์ ในกทม. จะมีราคาเดียวกัน เท่ากันหมด และเวลาขึ้น ก็ขึ้นพร้อมกัน เวลาลง ก็ลงพร้อมกัน ( แต่ไม่ค่อยมีลดลง ) ขัดพรบ.ป้องกันการผูกขาด พศ 2522 และ 2542
แม้นจะอ้างว่าหากราคาน้ำมันของไทยถ้าต่ำกว่า ต่างประเทศเพื่อนบ้าน จะมีการลักลอบขายสู่ต่างประเทศ ป้องกัน การลักลอบขนส่งขายต่างประเทศไม่ได้ ก็มิใช่เหตุผลที่จะฟังขึ้น เพราะอย่างมาเลเซียที่ขายราคาที่19-20 บาทต่อลิตร ต่างจากประเทศไทยเกือบครึ่ง เขายังประกาศใช้ราคาน้ำมันต่ำกว่าไทยได้ เขาไม่กลัวว่าประชาชนเขาจะลักลอบการขายน้ำมัน ไปประเทศอื่นๆ ทำไมประเทศเรารัฐจึงขาด ความสามารถในการป้องกัน หรือสร้างเงื่อนไขมาป้องกันมิให้เกิดการลักลอบนำน้ำมันไปขายต่างประเทศไม่ได้
หรือเกี่ยวกับการอ้างเรื่องการไม่ประหยัดน้ำมันเพื่อลดการนำเข้าเพื่อมิให้เสียดุลย์การค้า แต่การกำหนด ให้ราคาสูง ไม่ได้ผลประโยชน์ชาติในการป้องกันการขาดดุล เพียงอย่างเดียว แต่ได้ประโยชน์แก่เอกชน และยังสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทุกหย่อมหญ้าเพราะกระทบสินค้าทุกชนิด แม้นราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแพงขึ้น แต่ราคาของประเทศเรา น่าจะถูกกว่านี้ได้โดยการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ควบคุมค่าการกลั่นอย่าให้ค้ากำไรเกินควร
และข้อเท็จจริง น้ำมันดิบปัจจุบันขุดได้ในประเทศ เกือบ 50 % และมี ราคาถูกกว่าจากตะวันออกลางและดูไบ แต่ ผู้ถูกฟ้องคดี อาศัยช่องว่างของกฎหมาย และกฎเกณฑ์ ที่ได้ร่วมกันสร้างขึ้นมา ตั้งแต่รัฐบาลสมัยก่อนๆ อ้างราคาตลาดโลก เพื่อให้เอกชน และพรรคพวกได้รับประโยชน์จาก การ คิดราคาน้ำมันและก๊าซ ที่อิงราคาตลาดโลก นี่คือ พฤติกรรมฉ้อฉล ของ บมจ.ปตท. รวมทั้งผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 4 เพราะเป็นผู้เสนอให้ครม .ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ให้มีมติ และออกกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อเอื้อต่อเอกชน และผู้ถือหุ้น แต่เป็นภารแก่ผู้ฟ้องคดี และประชาชนทั้งประเทศ
เมื่อ น้ำมันดิบ ครึ่งหนึ่ง ของปริมาณการใช้พลังงานทั้งประเทศ ขุดได้ในประเทศ และราคา น้ำมันดิบในประเทศ ถูก กว่าราคาน้ำมันจากต่างประเทศ ดังตารางเอกสารแนบ ที่.....2.. (ให้สังเกตว่า บอกราคาเป็นบาทต่อบาเรลล์แต่ไม่บอกเป็นบาทต่อลิตร ) แต่ขายราคาตลาดโลก คนไทยทั้งประเทศ จึงได้รับความเสียหายและถูกละเมิด รวมทั้งผู้ฟ้องคดี มีความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และการนำเงินเข้าหลวงก็น้อยมากเมื่อเทียบกับกำไรที่ได้เช่นกำไรเกือบแสนล้าน แต่มีส่วนแบ่งให้รัฐแค่ 8,073 ล้านบาท ผิดกับการไฟฟ้าที่มอบให้รัฐสองหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งแสดงให้ เห็นว่าการที่ปตท .ขึ้นราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ต่างๆรายได้ทั้งหมดมิได้ตกสู่รัฐแต่ มีเอกชนเกี่ยวข้องร่วมด้วย
ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 73 ที่ข้าราชการที่ต้องรักษาผลประโยชน์ชาติ และประชาชน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ตนเองและพรรคพวก ทางอ้อม
สำหรับราคาค่าก๊าซวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 ผู้ถูกฟ้องดีที่ 3 สนพ. ได้ประกาศลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม เอกสารแนบ 3โดยนายวีระพล จิระประดิษฐ์กุล ผู้อำนวยการ สนพ.เปิดเผยว่า สนพ.ได้ประกาศลอยตัวก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจีแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 พย. 2550 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาขายส่งก๊าซหุงต้มปรับราคาเพิ่มขึ้น 1.20 บาท/กก. โดยมีเหตุผลสองสามประการ คือ เพื่อให้ประชาชนประหยัดพลังงานก๊าซหุงต้ม และลดการรับภาระ ชดเชยราคาค่าก๊าซ LPG ที่นำเอา เงินกองทุน้ำมันจากราคาเบนซิน และดีเซลล์มาชดเชย (เอกสารแนบ 4 หนังสือพิมพ์มติชน บทความวันที่11 ธค 2550 )
ข้อเท็จจริง เมื่อมาดูผลประกอบการของ บมจ.ปตท กำไรส่วนใหญ่ มาจาก การขายก๊าซ ทั้งผูกขาดการขายให้การไฟฟ้า โดย ปัจจุบัน บมจ.ปตท. มาขายให้การไฟฟ้า 220 บาทต่อล้านบีทียู . จากบทความ ปตท.ช่วยหรือปล้นชาติ โดยนาย อโณทัย ไพทูรย์ เครือข่ายสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมือง ได้เขียนไว้ว่าปตท. จำหน่ายก๊าซให้การไฟฟ้า ในปี 2548 ในราคา 177 บาทต่อล้านบีทียู แต่ขายให้ โรงแยกก๊าซของปตท.เอง ในราคา 135 บาท ต่อล้านบีทียู ต่างกัน 42 บาท ต่อล้านบีทียู เอกสารแนบ 5 … ซึ่งเป็นภาระที่การไฟฟ้า ต้องเพิ่มต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า แล้วผลักภาระนั้นมาสู่ประชาชน ในรูปของค่าเอฟที ชี้ให้เห็นว่า การที่ ปตท .อ้างว่าเพื่อให้ประชาชนประหยัดพลังงานนั้น มิได้ถูกต้อง 100% เพราะ เมื่อขายให้กับบริษัทลูกของตนเองกลับขายถูกกว่า แต่เวลาขายให้ประชาชนกลับแพง ซึ่งไม่เป็นธรรมและละเว้นการปฎิบัติ หน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี และประชาชน โดยทั่วไป
เมื่อมาดูผลประกอบการ กำไรของบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และ โรงกลั่นน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น 9 เท่า ใน 3ปี โดยในปี พ.ศ. 2544 ก่อนการแปรรูป ปตท. และบริษัทโรงกลั่นน้ำมัน 7 แห่งมีกำไรรวมกัน 20,330 ล้านบาท (สองหมื่นสามร้อยสามสิบล้านบาท) และในปี พ.ศ. 2548 มีกำไรรวมกัน 195,853 ล้านบาท (หนึ่งแสนเก้าหมื่นห้าพันแปดร้อยห้าสิบล้านบาท) กำไรสูงขึ้นเป็น 9 เท่า เป็นเงินจำนวน 173754 ล้านบาท (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นสามพันเจ็ดร้อยห้าสิบสี่ล้านบาท)
นอกจากการกำหนดราคาขายน้ำมันที่ไม่เป็นธรรมแล้ว ส่งผลให้บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และโรงกลั่นน้ำมันในเครือมีกำไรอย่างมากแล้ว กำไรส่วนใหญ่ของบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) มาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ซึ่งผูกขาดโดยบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)
กำไรของบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ตามเอกสารแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ56-1) ที่บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ยื่นต่อสำนักงาน กลต. ปรากฏว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาของธุรกิจก๊าซธรรมชาติในปี พ.ศ. 2548 เท่ากับ 92,161 ล้านบาท (เก้าหมื่นสองพันหนึ่งร้อยหกสิบเอ็ดล้านบาท) เทียบกับผลกำไรในปี พ.ศ. 2544 จำนวน สี่หมื่นหกพันสี่ร้อยสามสิบล้านบาท เอกสารแนบ 6
จากบทความ ผ่า โครงสร้างรายได้-กำไร ปตท. 5 ปีเอกชนโกย 2.8 แสนล้าน
http://www.bangkokbizweek.com/20060401/bschool/index.php?news=column_20329141.htmlสุทธิพันธ์ ภู่ระหงษ์ หลังจากที่ บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2544 ซึ่งเป็นการแปลงสภาพมาจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 บริษัทปตท.กวาดรายได้รวม (รายได้จากการขายและรายได้อื่นๆ) ในระยะ 5 ปีนับจากการแปรรูป หรือระหว่างปี 2544-2548 รวมกันทั้งสิ้นกว่า 2,940,374.28 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมกันมากถึง 233,659.38 ล้านบาท
กำไรหลักมาจากธุรกิจก๊าซ ประเด็นที่น่าสนใจคือ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีความพยายามจากบริษัทปตท. ให้รัฐบาลประกาศใช้นโยบายลอยตัวค่าก๊าซธรรมชาติ ให้ขึ้น-ลง ตามกลไกตลาด เช่นเดียวกับการลอยตัวราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นข้อเคลือบแคลงเหตุใดบริษัทปตท.จึงดำเนินการเช่น นี้ กำไรสุทธิของบริษัท ปตท.ในระยะเวลาเดียวกันตั้งแต่ปี 2545-2548 เมื่อพิจารณาจากตัวเลขกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) โดยเฉลี่ย 90% มาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ
ในปี 2548 รายได้ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น มีจำนวน 14,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อนหน้าถึง 1,930% และสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 13.10% ตลอด 5 ปี (2544-2548)กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลจากปตท.แล้วจำนวน 40,521,740,335 บาท ส่วนที่เหลือจำนวน 30,267 ล้านบาท จะเป็นผลตอบแทนที่รัฐบาลเต็มใจแบ่งปันให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย
อีกประการหนึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 66 สิทธิของประชาชน ที่จะมี สวนรวม กับรัฐและชุมชนในการอนุรักษบํารุงรักษา และการไดประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งประเทศไทยขุดน้ำมันดิบ ได้เอง ประมาณ 50 % (ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์มติชน วันที่6 ธค 50 หน้า 24 และ เอกสารแนบ 7 ……… เวบ ไซด์ กระทรวงพลังงาน ) รวมทั้ง ก๊าซธรรมชาติ หรือก๊าซหุงต้ม ก็ขุดในประเทศ มากกว่าครึ่ง การที่เราสามารถ ขุดเจาะ ทรัพยากร ธรรมชาติ พลังงานเชื้อเพลิงได้เอง ก็ควรให้กำหนดราคาขายกันเองในราคาที่เหมาะสมเป็นธรรมมิใช่ให้ประชาชน ส่วนใหญ่ ของประเทศ รวมถึงผู้ฟ้องคดี ต้องเดือดร้อน โดยจำต้องเสียค่าช้าจ่าย ให้แก่ ปตท ที่มีเอกชนถือหุ้นกว่า 30 % เป็นการละเมิดสิทธิประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 66 การอ้างราคาก๊าซ เพื่อให้ประชาชนประหยัดพลังงาน ก็ไม่เป็นเหตุผลที่พอจะ เชื่อได้ การขึ้นราคาค่าก๊าซ กำไรส่วนหนึ่งตกไปเป็นของเอกชนที่ถือหุ้นมิใช่รัฐทั้งหมด และการอ้างเพื่อประหยัดพลังงาน แต่นโยบายของ รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินงาน บริหารราชการแผ่นดิน ให้ประหยัดจริงจัง เช่น ในการพยายามตั้งโรงไฟฟ้า ผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้ต้นทุนเชื้อเพลิงจากก๊าซ เป็นส่วนใหญ่ 70 % เอกสารแนบ 8 และ ถ่านหิน นิวเคลียร์ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาผิดทาง แต่ไม่ได้คิดผลิตกระแสไฟฟ้า จากพลังงานน้ำที่ มีต้นทุนถูกสุด และไม่เสียค่าใช้จ่ายมาก
และผิด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 74 78 ผู้ถูกฟ้องดีที่ 1,2,3,4 ,7 10 ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อรักษา ประโยชน สวนรวม เพราะร่วมกันสร้างกฎเกณฑ์ เงื่อนไข ให้มีช่องว่างเพื่อเอื้อประโยชน์แก่โรงกลั่นน้ำมัน และ หุ้นส่วนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10 รวมถึงเอกชนที่ถือหุ้นในโรงกลั่นต่างๆ
โดยก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี ได้กำหนดให้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ก๊าซหุงต้ม) เป็นสินค้าควบคุม ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง การกำหนด สินค้าควบคุม ลงวันที่ 19 มีนาคม 2545 เอกสารแนบ 1 ตาม พระราชบัญญัติ กำหนดราคาสินค้าป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 ให้ไว้ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 มาตรา 15 (3) มาตรา 23 มาตรา 24 (1) (2) มาตรา 25 แต่ปัจจุบัน ปี 2549 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 กลับประกาศให้ก๊าซหุงต้มเป็นสินค้าที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บุคคลบางกลุ่มบางพวก เอกสารแนบ..1
รวมทั้งน้ำมันก็เป็นสินค้าควบคุม แต่ไม่ได้ควบคุมกำไรสูงสุดต่อหน่วย ตาม พระราชบัญญัติ กำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 มาตรา 23 24 การอ้างให้ประชาชนประหยัดพลังงานเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรจะ ดูว่านโยบายแห่งรัฐอันไหนที่จะช่วยประหยัดพลังงาน และ อำนวยความสะดวกให้ประชาชน เพื่อมิให้เดือดรอน เช่นการที่พลังงานน้ำมันถูกใช้ไปมากกว่า 70% ที่ใช้ในการเดินทางและขนส่ง ภาครัฐเองก็ควรจะแก้ไขปัญหาโดยสร้างระบบการขนส่งเดินทางที่เป็นระบบใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า ซึ่งก็กำลังจะก่อสร้างเพิ่ม
สรุปจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กล่าวคือ
ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 1 2 3 4 7 10 ร่วมกันสร้างกฎเกณฑ์เงื่อนไข เพื่อให้เกิดช่องว่าง ในการขูดรีดประชาชน โดยถูกกฎหมาย เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน ผู้ถือหุ้น และรับสัมปทาน ทั้งโรงกลั่น ผู้สำรวจขุดเจาะ และ ผุ้รับสัมปทาน แต่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 59 66 73 81 87 และ กระทำการโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้เกิดความเสียหายต่อแผ่นดิน ผู้ฟ้องคดี และประชาชนทั่วประเทศ
ข้อ 5. การกระทำของผู้ถูกฟ้องทั้งหมด ทำให้ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย และประชาชนทั่วไป และรัฐ เนื่องมาจาก
1. เสียสิทธิในการใช้น้ำมัน และก๊าซ ในราคาที่ถูกต้อง เหมาะสม ตรงกับความเป็นจริง
2. แบกรับภาระสินค้าและบริการอื่นๆที่ปรับราคาแพงขึ้น จากราคา น้ำมันแพง
3. แบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่จะปรับราคาแพงขึ้นเนื่องจากราคาก๊าซ
4. แบกรับภาระค่า เดินทาง ที่ปรับราคาแพงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซ
5. แบกรับภาระค่าก๊าซ หุงต้ม อาหาร ที่ปรับราคาแพงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมัน และก๊าซ
ดังนั้น ผู้ฟ้องคดี จึงขอให้ศาล โปรดพิจารณา ไต่สวน และดำเนินการดังนี้
1 ขอให้ศาลได้โปรดพิจารณา รับคำฟ้องและไต่สวนหาข้อเท็จจริง รวมทั้งขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อหาทางเยียวยา แก่ประชาชนคนในชาติ มิให้ถูกหมกเม็ดขูดรีด ราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ เกินความเป็นจริง ต่อไป
2 ให้บรรเทาทุกข์ชั่วคราว ให้ยับยั้งการขึ้นราคาก๊าซ ทันที ให้ยกเลิกประกาศ ลอยตัวราคาก๊าซ ยกเลิกการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาก๊าซทันที แต่ให้ขายราคา 8.50 บาทต่อล้านบีทูเท่าเดิม และหยุดชดเชย ค่าก๊าซให้ปตท เพราะปตท กำไรจากราคาค่าก๊าซสูงมากเป็นหมื่นๆล้าน ต่อปี หากให้ชดเชยค่าก๊าซให้ปตท. เท่ากับส่งเสริมให้ปตท. ค้ากำไรเกินควร และขอไต่สวนฉุกเฉิน ใน คำบรรเทาทุกข์ ชั่วคราวนี้
3 ให้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 , 7 ประกาศ น้ำมันและก๊าซ เป็นสินค้าควบคุม ตาม พระราชบัญญัติ กำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 มาตรา 15 มาตรา 23 มาตรา 24 มาตรา 25 และกำหนดราคาค่าการกลั่น ของทุกผลิตภัณฑ์ จากการกลั่น น้ำมัน เชื้อเพลิงทุกชนิด เพื่อจะทำให้ ราคาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ลดราคาลง และเป็นธรรมต่อประชาชน และข้าพเจ้า ผู้ฟ้องคดี จะได้ แบกภาระ ค่าครองชีพลดลง
4 ให้เอกชนทุกคน สามารถนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป ได้ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่แท้จริง เพื่อให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ จากการค้าขายน้ำมัน
5 ให้รัฐเลิกอ้างอิงราคาน้ำมันที่สิงคโปร์ แต่ให้ใช้ฐานต้นทุน จากแหล่งน้ำมันดิบที่ซื้อมาอย่าง แท้จริงบวกค่าการกลั่นที่เหมาะสม ไม่ใช่ค้ากำไรเกินควร และค่าการตลาดที่สถานประกอบการรายย่อยสามารถอยู่รอดได้ โดยมภาคประชาชนเข้าร่วมเป็นกรรมการ สัดส่วนหนึ่งสาม ตามกหมายรัฐธรรมนูญที่ประชาชน มีสิทธิ ส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย เศรษฐกิจ สังคม ที่มีผลกระทบต่อตนเอง มาตรา 57 , 87(1)
เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและสาธารณะชนทั่วประเทศ หมดนี้ จึงขอกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา จักเป็นพระคุณยิ่ง และ ขออนุญาตไต่สวนฉุกเฉิน ขอคุ้มครองชั่วคราวบรรเทาความเดือดร้อน
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ……………………………………ผู้ฟ้องคดีที่ 9
(พ.ท.หญิง กมลพรรณ ชีวพันธุศรี)
ผู้รับมอบอำนาจผู้ฟ้องคดีที่ 1, 2,3,4,5,6,7,8