ขอขอบคุณ คอลัมน์ รายงานพิเศษหนังสือพิมพ์ข่าวสด
www.khaosod.co.th สัมภาษณ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554 ทำให้คนที่ใช้ และผู้ประกอบกิจการการนำเข้า ติดตั้ง LPG ในรถยนต์ คงเข้าใจถึงนโนบายรัฐบาลนี้แน่ชัดแล้ว ก็ควรรีบตั้งรับ และหาทางออกเสียแต่เนิ่นๆ จะดีที่สุดครับ
เปิดนโยบายฉบับ"พิชัย" ยกเครื่องแผนพลังงาน หนุนเอ็นจีวี ลอยตัวแอลพีจี เอาแน่ก๊าซกัมพูชา ผู้ใช้รถใช้ถนนช่วงนี้คงมีความสุขกันถ้วนหน้า หลังจากที่รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน เว้นการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มการอุดหนุนน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และแก๊สโซฮอล์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันกระชากลดลง สบายกระเป๋าไปตามๆ กัน
การยกเลิกการจัดเก็บเงินนำส่งกองทุนน้ำมัน เป็นแค่เสียงนกหวีดเปิดสนาม ตามที่หาเสียงไว้เท่านั้น กลเกมราคาพลังงาน รวมถึงนโยบายด้านพลังงานต่างๆ กำลังจะก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นซัดเข้ามาอีกหลายระลอก ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทุกสายตากำลังจับตามอง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนโยบายพลังงานที่จะเดินหน้าต่อไปในอนาคต รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับกองทุนน้ำมัน ที่สังคมยังอาจแคลงใจ
- กองทุนน้ำมันจะเดินหน้าต่อหรือยุบทิ้ง ประเด็นกองทุนน้ำมัน ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเดิมมองว่าอาจจะต้องมีการยุบทิ้ง แต่พอมาเป็นรัฐบาลก็พยายามพิจารณาทบทวน ซึ่งพบว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการชะลอการเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนแทน และคงสภาพกองทุนเอาไว้ เพราะในอนาคตจะต้องมีการปรับมาเก็บเงินเข้ากองทุนอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี มองว่า เป้าหมายกองทุนนั้นถูกบิดเบือนไปเป็นอย่างมาก แต่เดิมกองทุนตั้งมาเพื่อดูแลเสถียรภาพน้ำมัน ในหลักการถ้าราคาสูงก็ใช้เงินกองทุนเข้าไปอุดหนุน แต่ถ้าราคาลงก็ต้องจัดเก็บเงินเข้ากองทุน และรักษาระดับราคาน้ำมันไว้ให้มีเสถียรภาพ
"แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น กองทุนน้ำมันกลับถูกใช้เพื่อไปอุดหนุนก๊าซปิโตร เลียมเหลว (แอลพีจี) 3 พันล้านบาทต่อเดือน ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) 1 พันล้านบาทต่อเดือน ก็เป็นปัญหา ถ้ากองทุนถูกใช้แบบบิดเบือน ก็ต้องมาแก้ทั้งหมดว่าจะทำอย่างไรต่อไป"
- ความจำเป็นต้องกู้ล้างหนี้กองทุน ยังมีความจำเป็นต้องกู้ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อมาชดเชยกองทุนให้มีเสถียรภาพ เพราะจากการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุน ทำให้มีเงินไหลออกเดือนละ 4 พันล้านบาท แต่มองว่าเป็นวงเงินที่ไม่สูงมาก และการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนก็ทำในระยะสั้นๆ เมื่อมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งหมดแล้ว ก็จะกลับมาเก็บเงินเข้ากองทุน เพื่อนำเงินนั้นมาชำระหนี้ที่เกิดขึ้น แต่คงไม่ใช่การปรับเงินเข้ากองทุนครั้งเดียวหมด คงค่อยๆ ทยอยทำ เพื่อไม่ให้เป็นภาระประชาชน
ทั้งนี้ ต้องการให้ทุกฝ่ายมองว่า นโยบายที่ดำเนินการ มีทั้งเรื่องระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ระยะสั้นคือการช่วยเหลือประชาชน โดยการลดเงินเก็บเข้ากองทุนทันที เป็นสัญญาทางการเมืองที่ให้ไว้ตอนหาเสียงที่รัฐบาลต้องทำ
- การปรับโครงสร้างราคาพลังงาน หลังจากลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแล้ว คาดว่าต้นปีหน้ารัฐบาลจะเดินหน้าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ขึ้นเงินเดือนข้าราชการจบปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท และรับจำนำข้าวได้ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้มากพอแล้ว ก็จะเริ่มพิจารณาการลอยตัวราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีต่อไปทันที ซึ่งต้องค่อยๆ ทยอยทำ แต่ต้องไม่เกินปี"58 ก่อนเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)
"ภาวะตอนนี้ประชาชนเพิ่งฟื้นจากความลำบาก ต้องช่วยเหลือก่อน นโยบายรัฐบาลไม่ควรสวนกันเอง ที่ต้องเริ่มโดยการลดเงินนำส่งเข้ากองทุน เพราะกองทุนมีปัญหา อนาคตกองทุนน้ำมันต้องมาเก็บอีกแต่ไม่มากเท่าเดิม เพราะโครงสร้างพลังงานใหม่ จะทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องอุดหนุนอีก"
สำหรับภาษีสรรพสามิตน้ำมัน คือภาษีเพื่อเอามาสร้างและซ่อมถนน ในหลักการคนใช้ถนนเยอะก็ต้องจ่ายเยอะ แต่คนที่ใช้แอลพีจีนอกจากไม่จ่ายภาษีแล้ว ยังเอาภาษีน้ำมันมาให้ช่วยเหลืออีก ซึ่งแอลพีจีในภาคขนส่งมันไม่ควรจะใช้แล้ว เพราะกำลังเอาเปรียบคนอื่นอยู่ อยากให้เห็นว่ามันเป็นกรอบคิดว่าไม่ใช่ ถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยน
- การขึ้นราคาจะดำเนินการอย่างไร ต้องสนับสนุนให้ภาคขนส่งมาใช้เอ็นจีวีแทนซึ่งมันถูกกว่า ในระดับราคาที่เหมาะสมกว่าปัจจุบัน ที่ขายขาดทุนอยู่ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท แต่ราคาที่เหมาะสมควรจะเป็นราคาครึ่งหนึ่งของน้ำมันดีเซล ซึ่งน่าจะจูงใจให้ใช้เพียงพอ ก็ต้องหานโยบายสนับสนุนให้บริษัทขนส่ง แท็กซี่ ไปใช้เอ็นจีวีมากขึ้น ส่วนแอลพีจีที่ไปใช้หุงต้มที่บ้านไม่ควรเอามาใช้ในรถ รถบ้านก็จะสนับสนุนให้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกให้ใช้แอลพีจี แต่ราคามันควรจะลอยตัวเป็นราคาที่แท้จริง ประชาชนยังมีความต้องการที่จะใช้ก็ใช้ได้แต่มันจะแพงกว่าเดิม ซึ่งตอนนี้พบว่ามีการเปลี่ยนมาใช้แอลพีจีในภาคขนส่งเป็นแสนๆ รายต่อปี ซึ่งมันบิดเบือนไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันหากมีการลอยตัวแอลพีจี ก็จะมาช่วยในบางราย เช่น ภาคครัวเรือน ที่จะออกคูปองช่วย
"รัฐบาลช่วยหลายพันล้านบาทแต่ละเดือน ในอนาคตต้องเสียเงินถึง 8 แสนล้านบาท แต่กลุ่มที่ได้ประโยชน์จริงได้แค่ 28% และยิ่งกว่านั้นในปี"58 เปิดเออีซี มันจะแย่กว่าหากเพื่อนบ้านมาใช้พลังงานบ้านเราถูก เพราะแอลพีจีใน เวียดนามขายอยู่กิโลกรัมละ 45.50 บาท ลาว 46.50 บาท กัมพูชา 39.84 บาท พม่า 35 บาท มาเลเซียที่เป็นประเทศส่งออกแอลพีจีสูงสุดขาย 20 บาท แต่เรากลับขายถูกสุดทั้งๆ ที่นำเข้า"
- ทำไมหนุนตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ต้องบอกว่าไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 1.87 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องถามว่าจะจัดการอย่างไรใน 2 ประเด็นคือ 1.เงินจำนวนนี้ ผูกกับค่าเงินดอลลาร์ที่กำลังจะอ่อนลง แล้วไทยยังมีความจำเป็นที่ต้องอ้างอิงกับสกุลดอลลาร์เป็นหลักหรือไม่ ประเด็นนี้หลายฝ่ายอาจมองว่าผูกไว้กับดอลลาร์มีความมั่นใจได้ แต่ไม่เข้าใจว่าดอลลาร์อ่อนตัวลง ถ้ารู้ว่ามันกำลังจะอ่อนค่าจะปล่อยให้มันล้มหรือไม่ และ 2.ไทยควรจะมีแหล่งพลังงานเพียงพอหรือไม่ จากการลงทุนแหล่งพลังงานต่างประเทศ
ปัจจุบันไทยมีปริมาณสำรองน้ำมัน 15-18 วัน ซึ่งมองว่ายังน้อยเกินไป ถ้าน้ำมันไม่พอ ก็ต้องมานั่งคิดกันว่า การมีน้ำมันสำรองเก็บไว้ ควรจะมีกี่วัน หรือการหาแหล่งน้ำมันใหม่จากการเข้าไปลงทุนเป็นเจ้าของ ลดความเสี่ยงจากการผันผวนในอนาคต เช่น ภาวะสงคราม ต่างชาติไม่ส่งน้ำมันมาให้ไทย ถึงตอนนั้นจะมีปัญหาเพราะมีเงินก็ไม่มีปัญญาซื้อ
"กรอบคิดการมีกองทุนมั่งคั่ง เป็นวิธีการที่เราอยากเห็น อะไรซื้อไว้แล้วส่งมาให้ประเทศเราใช้เอง ถ้าเรานำเข้าน้ำมันมา 8 แสนบาร์เรลต่อปี แล้วเราสามารถส่งเข้ามาจากแหล่งลงทุนของเราเองได้ ก็มีความมั่นคงด้านพลังงาน มีการสำรองเพียงพอ ส่งผลต่อการรักษาดุลยภาพกองทุนน้ำมันตามไปด้วย สามารถรักษาเสถียรภาพราคาได้ เพื่อให้กองทุนน้ำมันกลับมาเล่นบทบาทเดิม"
- การลงทุนด้านพลังงานกับเขมร พื้นที่ทับซ้อนถ้าเจรจาได้จะเป็นประโยชน์กับไทยมาก ยืนยันว่าคนไทยได้ประโยชน์แน่นอน เพราะไทยมีโรงแยกก๊าซ แต่กัมพูชาไม่มี ไทยก็จะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะมีความพร้อมมากกว่า อยากให้เห็นว่าถ้าขุดขึ้นมาประโยชน์อยู่ที่เรามากกว่าอยู่กับเขา
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องมั่นใจว่าทุกเรื่องต้องผ่านฝ่ายความมั่นคง ทหาร กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน และการอนุมัติจากสภา ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการแบบเปิดเผยตรงๆ ว่าจะเจรจา ทำทุกอย่างให้ชัดเจน ทุกฝ่ายจะได้เกิดความสบายใจ เห็นชัดว่าเกิดประโยชน์กับประเทศจริงๆ
นี่คือนโยบายพลังงานที่กำหนดแผนไว้คร่าวๆ ที่อยู่ระหว่างการกลั่นกรองของรัฐบาล และแม้ว่าจะยังไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้ในวันนี้ แต่ก็เห็น "แกนนโยบาย" ที่รัฐบาลกำลังจะทำ โดยเฉพาะนโยบายลอยตัวพลังงานที่มีความชัดเจนว่าจะ "ทำแน่และทำจริง"
ในฐานะประชาชนที่เป็นผู้รับผลกระทบจากนโยบาย จึงต้องเตรียมตัวและเตรียมใจให้ทันต่อสถานการณ์