ผมสงสัยมานานและ พี่ฟักทองพอรู้ไหมครับ ว่าทำไม ปตท ต้องอิง ราคาน้ำมันในประเทศ กับ ราคาตลาดสิงคโปร์ครับ
แล้ว LPG นี่อิงราคาตลาดไหนครับ?
ขอบคุณครับ
คำตอบของกระทรวงพลังงาน เรื่องการกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูปของไทย
www.eppo.go.th/petro/pt-SingPrice.htmlเมื่อประเทศไทยเป็นระบบการค้าน้ำมันเสรี ผู้ค้าสามารถนำเข้า-ส่งออกได้ หากรัฐเข้าไปควบคุมราคาของโรงกลั่น แล้วราคาที่รัฐกำหนดนั้นต่ำกว่าราคาตลาดสิงคโปร์เมื่อไหร่ โรงกลั่นนำน้ำมันก็ต้องส่งออกไปขายที่ตลาดสิงคโปร์เพื่อทำกำไร และให้ผลตอบแทนในแหล่งที่ได้ผลคุ้มค่ามากกว่าแทน เมื่อการค้าน้ำมันเป็นระบบเสรีแล้ว ยิ่งไปกำหนดราคาไว้แบบนั้นใครล่ะจะมาขายในประเทศ ที่นี้แหล่ะงานเข้ารัฐต้องหาน้ำมันสำเร็จรูปมาใช้ภายในประเทศ ลดการขาดแคลน แล้วใครจะมาหาเหาใส่หัว ไปทะลึ่งกำหนดราคาหน้าโรงกลั่นในประเทศ ให้ต่างจากตลาดค้าน้ำมันสิงค์โปร์ เพื่ออะไร ผมเลยต้องไปค้น บทความความของพี่ทวี มีเงิน คอลัมม์นิสในเรื่องเศรษฐกิจ มาให้อ่านกันซะ 2 ตอน เพราะพี่เค้าคิด ก็ไม่แตกต่างจากทุกท่านที่สงสัย แต่ไม่มีคำตอบเรื่องราคาน้ำมัน ครับ
ส่วนราคา LPG ก็หนีไม่พ้นที่อิงราคาตลาดโลกเช่นกัน
วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7568 ข่าวสดรายวัน ที่มา
www.khaosod.co.th"ราคาน้ำมัน" ต้องดูทั้งป่า(ตอนที่ 1) คอลัมน์ เมืองไทย 25 น. ทวี มีเงิน หากรัฐบาล "ยิ่งเลิฟ"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเริ่มประชานิยมโดยงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทำให้ราคาถูกลงนั้น เป็นเพียงแค่ปลายเหตุ หากจะแก้ให้ตรงจุด "เกาให้ถูกที่คัน" จะต้องดูกันทั้งระบบ ทั้งโครงสร้าง เหมือนดูป่าต้องดูทั้งราวป่าไม่ ใช่แค่ใบไม้หยิบมือเดียว
ธุรกิจน้ำมันละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อน ในความซับซ้อนได้เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบธุรกิจนี้มหาศาล ตั้งแต่โรงกลั่นและผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ไม่กี่รายกลายเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาด
ถ้า "คุณพิชัย นริพทะพันธุ์" รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ จะแก้ปัญหาราคาน้ำมันเพื่อประชาชนจริงๆ ต้องไม่ใช่แค่งดเก็บเงินผู้บริโภคเข้ากองทุนแล้วก็จบ
ที่สำคัญก่อนจะฝันไปไกลถึงขั้นตั้งกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ เอาเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศไปลงทุนซื้อแหล่งน้ำมัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูง ควรจะต้องมาดู มาทำความเข้าใจโครงสร้างในธุรกิจน้ำมันทั้งระบบก่อนว่าเป็นอย่างไร
แต่ละขั้นตอนมีการซ่อนกำไรไว้ตรงไหน "ต้องทำให้โปร่งใส" ตั้งแต่กระบวนการกลั่นจนถึงเนื้อน้ำมันที่ไหลออกมาที่ปลายสาย ณ สถานีบริการเป็นธรรมกับผู้บริโภคหรือไม่
ประเด็นแรกที่ชาวบ้านเขาสงสัยว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกกับราคาขายปลีกที่ปลายสาย ณ สถานีบริการ มันสัมพันธ์สอดคล้องกันหรือไม่ ทั้งๆ ที่การสั่งซื้อน้ำมันดิบในตลาดต่างประเทศเป็นการซื้อล่วงหน้านานเป็นเดือน แต่ละครั้งซื้อกันล็อตใหญ่ๆ ทำไมเวลาน้ำมันดิบในตลาดโลกขึ้นราคา กลุ่มธุรกิจน้ำมันในเมืองไทยจึงต้องปรับราคาขายปลีกตามราคาในตลาด โลกทุกครั้ง
สงสัยว่าลักไก่เอาสต๊อกมาขายหรือไม่
พอชาวบ้านโวยวายเข้าหน่อย บริษัทน้ำมันจะออกมาบอกว่าเป็นไปตามกลไกตลาด ราคาผันแปรตามราคาตลาดโลก ฟังยังไงก็ฟังไม่ขึ้น
ประเด็นต่อมา การอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงเราซื้อน้ำมันดิบขนใส่เรือมากลั่นเองที่โรงกลั่นในประเทศแต่ยังอ้างอิงราคาสิงคโปร์ ทำให้มีผลต่อราคาขายปลีกในประเทศ เพราะนั่นเป็นราคาที่รวมค่าขนส่งทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ได้นำเข้าจากสิงคโปร์แต่อย่างใด
เป็นความเคลือบแคลงใจของชาวบ้านมาช้านาน คงต้องว่ากันต่อพรุ่งนี้อีกที
วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7573 ข่าวสดรายวัน ที่มา
www.khaosod.co.th"ราคาน้ำมัน"ต้องดูป่าทั้งป่า(จบ) คอลัมน์ เมืองไทย25น. ทวี มีเงิน ปกติวันเสาร์สบายๆ จะหาเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับเศรษฐกิจธุรกิจมาเล่าสู่กันฟัง แต่สามสี่วันที่ผ่านมาเขียนถึงเรื่องน้ำมันซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของนโยบายรัฐบาลและกำลังฮอตต่อเนื่องมาหลายตอน วันเสาร์นี้จึงขออนุญาตเขียนถึงเรื่องนี้ต่อ
เมื่อวานเขียนถึงข้องสงสัยของชาวบ้านในความไม่ชอบมาพากลในธุรกิจน้ำมัน ทั้งราคาน้ำมันขายปลีกกับราคาในตลาดโลกและการอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ที่ไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรมกับผู้ใช้
วันนี้จะขออนุญาตเสนอแนะจากความรู้ที่มีจำกัด
สำหรับเรื่อง"ความโปร่งใส"รัฐบาลจะต้องเปิดเผยตัวเลขราคา ต้นทุนที่แท้จริงและกำไรแต่ละขั้นตอนของธุรกิจน้ำมันตั้งแต่นำเข้า กระบวนการกลั่นจนถึงขายปลีกที่หน้าสถานีบริการ ประกาศรายวันเหมือน"ราคาหั่งเช้ง"ที่รายงานความเคลื่อนไหวราคาพืชผลการเกษตร ผักผลไม้ให้ชาวไร่ชาวสวนได้รับรู้
อาจจะตั้งหน่วยงานอิสระขึ้นมาดูแล ติดตาม รวบบรวมข้อมูลแล้วประกาศให้ประชาชนรับทราบ ทำกันอย่างโปร่งใสไม่มีการลักไก่ จะเป็นธรรมผู้บริโภคอย่างมากที่ผ่านมาคนเขาสงสัย ทำไมบริษัทน้ำมันถึงมีกำไรแต่ละปีเป็นหมื่นล้าน นอกจากผูกขาดแล้วยังค้ากำไรเกินควรหรือไม่
ประเด็นต่อมา ต้องเลิกอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ แล้วใช้"ราคาท้องถิ่น"ในประเทศไทยแทน อย่างที่บอกน้ำมันทุกบาร์เรลที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ กลั่นโดยโรงกลั่นในประเทศทั้งสิ้น ไม่มีน้ำมันที่เอาไปกลั่นที่โรงกลั่นที่สิงคโปร์แม้แต่บาร์เรลเดียว จึงสงสัยทำไมจึงต้องอ้างอิง
หากจะถามว่ามีประเทศไหนที่ ประกาศ"ราคาท้องถิ่น" ตัวอย่างอยู่ไม่ไกล้ไม่ไกล ที่"มาเลเซีย"นี่เอง ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันแต่รัฐบาลมาเลย์ไม่เคยใช้ราคาอ้างอิงสิงคโปร์เหมือนบ้านเรา
การใช้ราคาอ้างอิงหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์จะเป็นประโยชน์กับผู้ค้าที่ส่งออกน้ำมันไปตลาดต่างประเทศเท่านั้น แต่ประชาชนกลับเสียประโยชน์เพราะใช้น้ำมันแพงกว่าความเป็นจริง
ฉะนั้นการแก้ปัญหาราคาน้ำมันไม่ใช่แค่การงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเท่านั้นแต่ต้องดูกันทั้งระบบ ทั้งโครงสร้าง เพื่อความรอบคอบและชอบธรรม