หลายท่านที่ติดตั้งแก๊สไปอาจจะงงว่า...
ทำไมหัวฉีดถึงมีหลายยี่ห้อเหลือเกิน รางหัวฉีดมันต่างกันยังไง ทำไมยี่ห้อนี้แพงกว่ายี่ห้อนั่น ฯลฯ
วันนี้เลยเอาหัวฉีดยอดนิยมมาแกะดูให้เห็นๆแบบ Close up กันไปเลย เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
เริ่มต้นด้วยเจ้า Rail IG1 3 โอห์ม ยอดนิยมที่ใช้กันทั่วไป รวมถึงชุด Kit น้องใหม่ของ ER ก็จับไปเข้าชุดเค้าเรียบร้อย
ตัวนี้มีทั้งแบบรางใหญ่และรางเล็ก โดยรางใหญ่จะมีทั้งแบบรางเดี่ยวและ Boxer
เมื่อถอด Coil ออกมาดูก็เหมือนกับทั่วไปที่ค่าความต้านทาน 3 โอห์ม
ตัวปลอกสามารถปรับระยะยกของหัวฉีดได้ โดยการขันด้วยปะแจ 6 เหลี่ยมที่หัว
ข้อด้อยคือ ปลอกรุ่นนี้ทำมาค่อนข้างบาง หากจะ DIY ถอดเปลี่ยนไส้ ควรระวังอย่าขันให้ปะแจไปกระแทกโดนปลอก
เพราะจะทำให้ปลอกบุบ จนแกนหัวฉีดด้านในยกไม่ขึ้น ปล่อยแก๊สไม่ได้ หรือบางครั้งก็น็อคไปเลย
ตัวลูกสูบหัวฉีดใช้โอริงเป็นตัวกันกระแทกกับปลอกและใช้ลดเสียงด้วย ซึ่งผมดูแล้วมันค่อนข้างจะบางไปหน่อย
หากใช้ไปนานๆ เจ้าโอริงตัวนี้ก็จะโดนกระแทกไปเรื่อยๆจนบี้หรือขาด
เสียงหัวฉีดก็จะดังขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกันกับระยะยกของหัวฉีดที่จะยกได้ยาวขึ้นกว่ามาตรฐานเดิม แก๊สถูกปล่อยออกไปได้มากกว่าเดิม
สปริงตัวดันแกนหัวฉีดให้ปิดตลอดเวลาตัวนี้ก็สำคัญครับ เพราะหากสึกจนขาด หรือระยะสปริงหดตัวลง ก็ทำให้หัวฉีดปล่อยแก๊สเพี้ยนหรือเปิดค้างได้ครับ
แกนด้านฝั่งจ่าย มียางรองเช่นกัน ตัวนี้หากกระแทกไปเรื่อยๆก็จะยุบตัวทำให้ระยะยกเพิ่มขึ้น มีผลให้รถกินแก๊สเพิ่มขึ้น รอบเดินเบามีปัญหา
ที่รางหัวฉีดก็จะกลึงให้มีหน้าแปลนนูนขึ้นมารับกับลูกสูบนิดนึง
อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 4-6 หมื่นกิโลเมตร เกินกว่านั้นก็ยังใช้ได้ แต่ไม่ดีกับเครื่องยนต์ครับ
ซึ่งหัวฉีดรุ่นนี้หากเสื่อม ก็ไม่ต้องไปซื้อใหม่ทั้งราง แต่สามารถซื้อชุดซ่อมมาเปลี่ยนได้ครับ
แต่แนะนำให้เปลี่ยนทีทั้ง 4 หัวไปเลย จะได้เสียค่าแรงครั้งเดียวและง่ายต่อการจดจำระยะการใช้งาน
เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นหัวๆแล้วลืม หรือช่างไม่มีเครื่องตั้งระยะยก ก็อาจงานงอกได้ครับ
มาต่อกันที่ราง Valtek type 30 ยอดนิยมที่สุดในเมืองไทย
เมื่อแกะออกดูก็พบว่า มันเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับ Rail ดีๆนี่เอง แต่ไม่รู้ว่าใครคิด ใครทำก่อน...
อุปกรณ์เหมือนกันเป๊ะๆ ใส่แทนกันได้หมด ต่างกันแค่ Coil ที่ปั้มตรา Valtek มา
ส่วนอายุการใช้งานก็พอๆกัน ชุดซ่อมก็ใส่กันได้หมดเช่นกันราคาตกหัวละ 200 กว่าบาทครับ
มาต่อที่ราง Emmegas ตัวนี้ดูภายนอกแล้วจะเหมือนกับ Rail และ Valtek
แต่พอแกะมาดูกลับพบว่าไม่เหมือนกันครับ
โดยตัวลูกสูบไม่มียางรอง แต่ไปฝังไว้ที่ฐานรองแทน
แกนสูกสูบยาวไม่เท่ากับของ Rail แต่ใช้ยางโอริงรองแบบเดียวกัน
รุ่นเก่าของ Emmegas ทำมาไม่ค่อยแข็งแรงตรงปลอกเพราะทำจากทองเหลือง
เวลาใช้งานเกิดแรงสั่นของเครื่อง ทำให้ตัวล็อคโซลินอยดืไปเสียดสีตรงคอปลอก สุดท้ายกัดเข้าถึงด้านในจนแก๊สรั่วได้
ตอนนี้เค้าเลยออกชุดซ่อมรุ่นใหม่มาแก้ไข โดยเปลี่ยนปลอกเป็นสแตนเลสกลึงมาอย่างหนา
และตัวลูกสูบใช้แบบเดียวกับ Rail และเปลี่ยนฐานหน้าแปลนเป็นอลูมิเนียมกลึง เสียงเงียบลงกว่าเดิมครับ
แต่ราคาค่าชุดซ่อมเปิดมาตั้ง 600 แหนะ..
ตัวนี้ห้ามทำหล่นหรือกระแทก เพราะหน้าแปลนค่อนข้างบอบบางครับ
มาดูต่อกันที่ราง Lovato ครับ มีทั้ง JP และ KP
ของ Lovato นี้ จริงๆแล้วถอดเปลี่ยนไม่ได้ครับ ใช้กันจนพังไปเลยถึงจะเปลี่ยนซึ่งมันก็ทนทายาทจริงๆ แสนกิโลแล้วยังไม่พังเลยครับ
หัวฉีด Loato เป็นแบบยกสั้นครับ สังเกตระยะการยกจะสั้นมาก
ตัว JP ค่าความต้านทาน 3 โอห์ม หน้าแปลนฐานและลูกสูบกลึงมาอย่างทน และเสียงเงียบดีครับ
เมื่อลองถอดออกมาจะเป็นแกนแบบถอดไส้ไม่ได้ครับ เพราะเชื่อมตายมาเลย
งานกลึงคุณภาพสูง ปลอกยาวมากแต่ระยะยกกลับสั้นครับ...
ส่วนตัว KP เนื้องานดูแล้วไม่แตกต่างครับ ตัวปลอกสั้นลงกว่าเดิม และโซลินอยด์ แบบกลม ค่าความต้านทาน 2.3 โอห์ม
ลูกสูบด้านในเปลี่ยนแปลงตรงที่มีการเจาะรูและคว้านด้านในเพื่อลดน้ำหนักลง ให้ยกได้เร็วขึ้น
ซึ่งก็มีผลทำให้หัวฉีดตัวนี้มีเสียงค่อนข้างดังนิดนึงเวลาใช้งาน แต่คุณภาพการจ่ายแก๊สหายห่วงครับ
สรุป หัวฉีดก็เป็นปัจจัยสำคัญตัวนึงที่มีผลทำให้ระบบแก๊สใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนปัจจัยที่มีผลให้มันจะพังช้า-เร็ว นั้น...
อยู่ที่การติดตั้งราง, การเจาะขนาดรู Nozzle ให้เหมาะกับ CC ของรถ, การจูนให้ได้ค่าเทียบเท่าน้ำมัน
และที่สำคัญคือ การใช้งานของเจ้าของรถเป็นหลักครับ
ส่วนหัวฉีดยี่ห้ออื่นๆไว้คราวหน้ามีโอกาสจะเอามาชำแหละให้ได้ดูกันอีกครับ