ผมขึ้นแท๊กซี่ เค้าก็บ่นว่า หากถังหมดอายุ ก็คงเลือกที่จะติด แอลพีจี เพราะสู้ราคาถังไม่ไหว
แต่หากมีเงินสนับสนุนก็ว่ากันไป
รอลุ้น รัฐบาลใหม่ แต่เจอข่าวนี้ กำลังจะโดนจัดหนักอีกดอกแระ NGVขึ้นแน่หลังสิ้นสุดตรึงราคา กระทรวงพลังงาน เตรียมชงกพช.ในรัฐบาลใหม่ ปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี หลังกบง.ไฟเขียวให้สนพ.ไปศึกษาโครงสร้างราคาใหม่ พร้อมขยับค่าขนส่งเพิ่ม เพื่อสะท้อนต้นทุนให้เป็นจริงมากที่สุด รับมาตรการสิ้นสุดตรึงราคา 8.50 บาทต่อกก.ในเดือนกันยายนนี้ แก้ปัญหาการขาดแคลน ปตท.ไม่ขยายโครงข่ายการแบกรับภาระขาดทุน
นายชวลิต พิชาลัย รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ได้มีการมอบหมายให้สนพ.ไปดำเนินการศึกษาโครงสร้างราคาก๊าซเอ็นจีวีที่ใช้สำหรับรถยนต์ใหม่ จากเดิมที่กำหนดในราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และต่างจังหวัดไม่ให้เกิน 10.34 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นกับระยะทางการขนส่งใกล้ไกล หรือการขนส่งจากส่วนกลางรอบรัศมีกรุงเทพมหานครจะเป็นอย่างไร เพื่อเตรียมความพร้อมไว้สำหรับการสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวีในเดือนกันยายน 2554 ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาทางคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีการยกเลิกการกำหนดเพดานราคาก๊าซเอ็นจีวีรวมกับค่าขนส่งในต่างจังหวัดที่ระดับ 10.34 บาทต่อกิโลกรัมไปแล้ว เมื่อมีการรับนโยบายมาทางสนพ.จะไปศึกษาต้นทุนค่าขนส่งก๊าซเอ็นจีวีในแต่ละจังหวัดใหม่ เพื่อให้สะท้อนตามต้นทุนและประสิทธิภาพการขนส่งให้มากที่สุดได้อย่างไร ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าค่าขนส่งก๊าซเอ็นจีวีน่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม ด้วยสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในส่วนการปรับค่าขนส่งนี้น่าจะดำเนินการได้เร็ว และสามารถปรับเพิ่มขึ้นไปก่อนได้ที่จะสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาในเดือนกันยายน
ขณะที่การกำหนดโครงสร้างราคาจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัมนั้น จะมีการนำไปศึกษาให้รอบด้านว่าต้นทุนที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาจากการศึกษาของสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ที่ได้ศึกษาต้นทุนการผลิตก๊าซธรรมชาติตั้งแต่ปากหลุมผลิต ผ่านค่าท่อต่างๆ ค่าบริหารงาน จะอยู่ที่ประมาณ 14.43 บาทต่อกิโลกรัม โดยจะนำผลการศึกษาเหล่านี้มาดูว่าสอดคล้องกับโครงสร้างราคาที่เหมาะสมกับของเดิมหรือไม่
นายชวลิต กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ผลการศึกษาการปรับโครงสร้างราคาเอ็นจีวีนั้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของกพช.หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะหากปรับขึ้นให้สะท้อนตามต้นทุนที่เป็นจริงได้ จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนก๊าซเอ็นจีวีได้ทั้งระบบ เพราะบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)(บมจ.) สามารถที่จะมีเงินนำไปขยายโครงข่ายการจัดหาและการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยรองรับการขยายตัวของรถยนต์ที่เปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวีได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ต้องขาดทุนสะสมจากการลงทุนและแบกรับขาดทุนในเนื้อก๊าซที่จำหน่ายในแต่ละกิโลกรัมค่อนข้างมาก
โดยการนำเสนอการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวีนี้ จะต้องชี้ให้กพช.เห็นว่า มีความจำเป็นจริงๆ หากยังตรึงราคาอยู่เท่ากับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ราคาน้ำมันอยู่ระดับ 30-40 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่เวลานี้ราคาน้ำมันขยับขึ้นไปกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล หากจำหน่ายอยู่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม บมจ.ปตท.ต้องแบกรับภาระการขาดทุนและไม่ขยายการลงทุน ผลที่ตามมาจะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเอ็นจีวีกระทบกับผู้ที่ใช้รถยนต์โดยตรง
ทั้งนี้ แม้จะมีการปรับราคาขึ้นไป 14-15 บาทต่อกิโลกรัม คิดว่าผู้บริโภคน่าจะรับได้ เนื่องจากเอ็นจีวียังถูกกว่าน้ำมันดีเซลครึ่งหนึ่ง และถือว่าคุ้มค่าเมื่อแลกกับการเกิดภาวะขาดแคลนขนส่งไม่ทันและต้องรอคิวนาน
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า จากการหารือภายในกระทรวงพลังงาน เพื่อการแก้ไขปัญหาก๊าซเอ็นจีทั้งระบบเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงพลังงานยังได้ให้ทุกหน่วยงานไปรื้อการคำนวณต้นทุนโครงสร้างราคาก๊าซเอ็นจีวีใหม่ทั้งหมด เนื่องจากสถานการณ์พลังงานเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติจากแหล่งใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา การผลิตก๊าซชีวภาพเข้ามาเสริมในระบบด้วย เพื่อให้ราคาเอ็นจีวีสะท้อนต้นทุนที่เป็นจริงมากที่สุด และนำกลับมาเสนอต่อไปในวันที่ 9 มิถุนายน 2554 นี้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,641 5-8 มิถุนายน พ.ศ. 2554
www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=70150:ngv&catid=88:2009-02-08-11-23-46&Itemid=418