ถามนิดนึงนะครับ
ถ้ากรณีที่ เราสลับน้ำมัน - แก๊ส เราเทียบค่าก่อนและหลัง อ้างอิงจากค่า T น้ำมัน
ผมสังเกตช่วงที่ ใช้ในชีวิตประจำวันคือ ช่วง 50 - 110 นะครับ
ถ้า ทุกช่วง เวลาสับเข้าแก๊สแล้ว ค่า T น้ำมัน มันใกล้ค่าเดิม อาจจะ บวก/ลบ ไม่เกิน 0.02 - 0.05
แสดงว่า ลักษณะนี้ เท่ากับ เราจูนค่าการใช้แก๊ส timing มันจะเกือบเท่ากับน้ำมัน ซึ่ง หมายถึง มันคือค่าที่เหมาะสมแล้ว ใช่หรือเปล่าครับ
==> ตามนั้นครับ
ถ้า เราเปลี่ยนเชื้อเพลิง ไปใช้น้ำมันที่ไม่มีส่วนผสมของเอทานัล หมายถึง เมื่อมันเทียบ ออกซิเจนเซนเซอร์กับค่าการจ่ายของน้ำมันคือ มันจะสั่งจ่ายน้อยลงใช่มั๊ยครับ เพราะมันเผาไหม้แล้วออกซิเจนที่ออกมามันจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ เอทานัลผสมอยู่แล้ว
กรณีนี้ ถ้า เราไปจูนค่าโดยใช้ พวกโซฮอล 91 ในการปรับตั้ง หรือว่า น่าเกลียดสุดๆก็ E20 หรือ สุดๆเลยก็ E85 เมื่อ สวิทช์ไปแก๊ส การสั่งจ่ายแก๊ส จะมากกว่าปกติ เมื่อเทียบกับ น้ำมันเพียวๆไม่ผสมเอทานัล
==> กรณีมีเอทานอลผสม ระบบของรถจะมีการชดเชยการจ่ายเชื้อเพลิงน้ำมันให้ครับ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะชดเชยกันอย่างไร ยกตัวอย่าง Lancer EX 1.8 FFV ถ้าเติม E85 ลงในถัง ECU จะจ่ายน้ำมัน E85 ด้วยตัวคูณ 1.5 ครับ ความเห็นส่วนตัว ผมว่าถ้าเติม 95ปกติ จนถึง E10 ผมว่าไม่เห็นความแตกตางของการชดเชยสักเท่าไหร่ครับ
แบบนี้คือ ค่าที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ก็ ทำได้แค่ช่วงหนึ่งสำหรับเชื้อเพลิงอีกชนิด หรือเปล่าครับ ถ้าเราเปลี่ยนเชื้อเพลิงที่ คุณสมบัติแตกต่างออกไป แบบนี้ จำเป็นต้อง จูนใหม่เก็บค่าไว้อีกหรือเปล่าครับ
==> ผมว่าถ้าเติม 95ปกติ จนถึง E10 ผมว่าไม่เห็นความแตกตางของการชดเชยสักเท่าไหร่ครับ คิดว่าไม่จำเป็นต้องจูนใหม่ครับ แต่ถ้าใช้ E20 นี่ ผมว่าอาจจำเป็นนะครับ แต่ผมก็ไม่เคยลอง เพราะยังไม่เคยเติม E20 เหมือนกันครับ
กรณีที่ เราทำการ map จนได้ค่าที่เหมาะสม เทียบกับค่า Tน้ำมัน T แก๊สแล้ว มันใกล้เคียงกันมากๆ แสดงว่า การใช้งานในส่วนของ OBD ในช่วงรอบปกติที่ใช้งาน มันก็แทบไม่มีความจำเป็นเลยสิครับ เพราะ ค่ากราฟทั้งสองมันต้องตีคู่ไปด้วยกัน อ้างอิงจากน้ำมันแล้วสั่งจ่ายผ่านกล่องแก๊ส ตามที่เรา map เอาไว้
ผมเข้าใจอย่างนั้น ถูกต้องหรือเปล่าครับ
==> ถ้าเช็คค่า T-on น้ำมัน เมื่อใช้แก๊สและน้ำมันสลับกันไป แล้วแตกต่างกันน้อยมาก (ผมว่าไม่เกิน 0.1ms) ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ
แล้วที่เค้าโฆษณาว่า การต่อแบบธรรมดา ที่ไม่ใช้ OBD มันจะเปลืองกว่า ราวๆ 10 - 15% ตรงนี้คือ มันก็จะเรียกว่า แทบจะไม่เป็นจริงหรือเปล่าครับ เพราะถ้าว่าอย่างงั้น หมายถึง มันก็ประหยัดกว่ากันร่วมๆ 1 - 2 กม./ลิตรแบบระบบที่ไม่มี OBD ถ้าว่ากันอย่างนั้นนะครับ ถ้า เราทำการวิ่งเก็บ map อย่างเหมาะสมแล้ว ค่ามันต้องพอๆกันใช่หรือเปล่าครับ เมื่อกรณีที่มันมีและไม่มี OBD ต่อผ่าน can บัสนะครับ
หรือว่า มันจะเข้ามาช่วยในกรณีที่ เราเปลี่ยนเชื้อเพลิง โดยที่มันอ้างอิงค่า ออกซิเจนเซนเซอร์ใน ECU น้ำมันแล้วไปสั่งให้กล่อง ECU แก๊สมันทำงาน ตามจังหวะของน้ำมันที่จ่ายไป
==> การใช้ค่า OBD ของรถยนต์มาช่วยการชดเชยการจ่ายเชื้อเพลิง ก็ใช้เพื่อความประหยัดเพิ่มขึ้นเท่านั้นครับ มากเท่าไหร่ ยังไม่เคยมีการศึกษาและเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบครับ
ปกติระบบของเอจิส เท่าที่ศึกษามา (สัมภาษณ์ผู้ผลิตโดยตรง บวกกับการฟังบรรยายจาก อ.ตุ้ย) เขาอธิบายช่วยให้จ่ายเชื้อเพลิงประหยัดกว่าระบบเดิม ๆ อยู่แล้วครับ
==> ระบบแรก กล่องแก๊สจะสุ่มอ่านค่าฉีดน้ำมันจาก ECU รถครั้งละสูบ แล้วจำอาไปจ่ายทั้งสี่สูบ เมื่อจ่ายครบสี่สูบแล้ว ย้อนกลับมาอ่านค่าใหม่
==> ระบบสอง กล่องแก๊สจะสุ่มอ่านค่าฉีดน้ำมันจาก ECU รถครั้งละสองสูบ แล้วจำอาไปจ่ายทั้งสี่สูบ (เช่น อ่านสูบหนึ่ง แล้วจ่ายให้สูบหนึ่งกับสูบสอง พร้อม ๆ กับอ่านสูบสาม แล้วสั่งจ่ายสูบสามกับสูบสี่)
==> ระบบเอจิส อ่านน้ำมันสูบหนึ่ง สั่งจ่ายแก๊สสูบหนึ่ง อ่านน้ำมันสูบสอง สั่งจ่ายแก๊สสูบสอง อ่านน้ำมันสูบสาม สั่งจ่ายแก๊สสูบสาม อ่านน้ำมันสูบสี่ สั่งจ่ายแก๊สสูบสี่ คือ สัญญาณจ่ายแก๊สมาจากสูบใครสูบมันครับ ดังนั้น ค่าที่จ่ายให้เครื่องยนต์ จะแม่นยำกว่าครับ แล้วถ้า ECU ของรถ สั่งเปลี่ยนการจ่ายเชื้อเพลิงตามค่า LTFT ผลก็คือ ECUแก๊ส สามารถจ่ายแก๊สเปลี่ยนตามได้เลยครับ
ลองดูแล้วคือ ค่า AVG ตอนนี้ วิ่งในเมือง สลับกับ ไปนอกเมืองทางยาวๆบ้าง อัตราสิ้นเปลืองตอนนี้อยู่ที่ AVG 15.8 กม./ลิตร ถ้า อัตราสิ้นเปลืองแก๊ส น้อยกว่าน้ำมัน
คิดสูงก็ 90% คือ 15.8 x 0.9 = 14.22 กม./ลิตร
คิดกลางๆก็ 85% คือ 15.8 x 0.85 = 13.43 กม./ลิตร
ตีต่ำก็ 80% 15.8x0.8 = 12.64 กม./ลิตร
(ทั้งนี้ แต่ละช่วงความเร็วรอบ การชดเชยการยกหัวฉีดแก๊ส มันก็ไม่เท่ากันนะครับ ผมเลยประมาณการเอาว่าขนาดไหนนะครับ ค่าเฉลี่ยไป)
คิดค่าที่มันรายงาน error มาจากอุปกรณ์ของ ECU น้ำมัน ที่ 5% ก็ราวๆอยู่ในช่วง 13.5 - 12 กม./ลิตร
แสดงว่า แก๊สถังที่ผมเติมอัดพอตัดไปนี่ ก็ราวๆ 33 ลิตร มันก็ควรจะได้ระยะทาง 445.5 กม. ถึง 396 กม.
==> ปกติ ผมคิดที่ 70% - 90% ของค่าเฉลี่ยน้ำมัน กรณี น่าจะอยู่ในช่วง 11.06 - 14.22 กม/ลิตรแก๊ส ครับ
==> ถ้าเติมที่ 33 ลิตรแก๊ส น่าจะอยู่ในช่วง 365 - 470กม / 33 ลิตรแก๊ส ครับ
==> factor พิเศษครับ หัวจ่ายปั๊มแก๊สเชื่อได้แค่ไนด้วยครับ เช่น บางแห่งเติมแก๊สแถมลม เป็นต้น
สุดท้าย ต้องมาดูที่ บทสรุปว่า อัตราสิ้นเปลืองแก๊ส มันเท่าไหร่นะครับ
ถ้าวิธีการคิดดังกล่าว พี่ๆไม่มีอะไรที่ชี้แนะ ผมจะใช้วิธีนี้อ้างอิงการจูนแล้วก็ สรุปมาตาม กม.ที่ใช้งานจริงๆนะครับ
ตามปกตินี่ ถังโดนัท ในอุณหภูมิช่วงหนึ่ง ถ้าสมมติว่า ค่าคงที่ค่าหนึ่งกับครั้งก่อน หรือ ไม่เกิน 5 องศาจากค่าปกติที่เติมครั้งที่แล้ว มันก็ควรจะ ตัดแล้วได้ไม่เกิน 80% ของถังใช่หรือเปล่าครับ
ถ้ากรณีเราจะทดสอบระยะทางแบบนี้ ควรจะเติมแบบไหนครับ เอาแค่ตัด หรือว่า อัดไปเต็มจนยัดไม่เข้าครับ
==> ผมว่าเอาแค่ตัดก็พอครับ อย่าอัดเลย เดี๋ยวมันจะเพี้ยนเร็วครับ (ข้อมูลนี้ บอกต่อ ๆ กันมาครับ)
หลายประเด็น แล้วก็ ดูกองๆมั่วๆ ไม่แยกย่อยหัวข้ออะไรเลยก็กราบขออภัยครับ ค่อยๆดูช่วยๆกันหน่อยนะครับ
ใจผม คาดหวังว่า มันควรจะได้ไม่น้อยกว่า 400 กม. มากที่สุด ก็ราวๆ 500 กม.ครับ
เริ่มมันส์แล้วครับ การปรับจูนเนี่ย