ข้อมูลส่วนนี้ นำมาจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของ บ.มิตซูบิชิ ครับwww.mitsubishi-motors.co.th มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดงานเแถลงข่าวแนะนำรถเก๋งรุ่นใหม่ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ เปิดรับจองที่โชว์รูมทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนนี้ ก่อนเปิดขายทางการ 16 ตุลาคม เป็นต้นไป แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มาพร้อมแนวคิด “Sensational Intelligence” ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 รุ่น ได้แก่ขนาด 1.8 ลิตร เป็นรถแบบ Flexible Fuel Vehicle หรือ FFV รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้หลากหลายตั้งแต่เบนซินจนถึงแก๊สโซฮอล์ อี 85 และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รองรับถึงแก๊สโซฮอล์ อี 20 พร้อมตั้งราคาขายอยู่ที่ 831,000 บาท ถึง 1,034,000 บาท
![](http://pics.manager.co.th/Images/552000011703411.JPEG)
มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานแถลงข่าวแนะนำมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ เซึ่งจะเปิดรับจองล่วงหน้าตั้งแต่ 16 กันยายนนี้ ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ 16 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 9 ของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยมาพร้อมแนวคิด "Sensational Intelligence” ที่ให้ลูกค้าได้มากกว่าทั้งในเรื่องของความทันสมัยและอัจฉริยะในการขับขี่ โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 ขนาด ที่ให้ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม ได้แก่ เครื่องยนต์ Flexible Fuel Vehicle หรือ FFV ขนาด 1.8 ลิตร จำนวน 3 รุ่น รองรับการใช้น้ำมันได้หลากหลายตั้งแต่เบนซินธรรมดาไปจนถึงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 และเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร รองรับถึงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 พร้อมตั้งราคาขายเริ่มต้นที่ 831,000 บาท ถึง 1,034,000 บาท
ทั้งนี้เพื่อสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจให้กับลูกค้า บริษัทฯ ยังได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับทุกส่วนของการดำเนินงานทั้งด้าน การขาย การบริการ และอะไหล่ รวมทั้งจัดกิจกรรมการขายและกิจกรรมทางการตลาด ตลอดจนการใช้กลยุทธ์การสื่อสารที่ตรงกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไปพร้อมๆ กัน โดยมั่นใจว่าจะมียอดจองรถมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ เกินเป้าการขายที่ตั้งไว้จำนวน 4,000 คัน ภายใน 6 เดือนแรกอย่างแน่นอน
“แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ เจนเนอเรชั่นที่ 9 เป็นรถคุณภาพที่ได้มาตรฐานระดับโลกทั้งในเรื่องระบบความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังให้สมรรถนะที่เป็นเยี่ยมตามแบบฉบับรถเก๋งของมิตซูบิชิ เราพัฒนารถรุ่นนี้ขึ้นเพื่อให้เป็นรถเก๋งรุ่นใหม่ที่ให้คุณค่าทั้งในแง่ของการใช้งานและความรู้สึก โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สะท้อนตัวตนของรถเก๋งสไตล์มิตซูบิชิที่ให้ความประทับใจทั้งในแง่ความรู้สึก การใช้งานสำหรับทุกความต้องการ และความปลอดภัยในการขับขี่ซึ่งสอดคล้องกับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต รวมทั้งประสิทธิภาพในการควบคุมและตอบสนองโดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์ในขณะขับขี่ที่สะท้อนความเป็นมิตซูบิชิ จากสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่า มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ที่พรั่งพร้อมไปด้วยนวัตกรรมรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์กลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน “ มร.มูราฮาชิ กล่าว
สำหรับแลมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ได้รับการออกแบบที่สานต่อภาพลักษณ์ของรถเก๋งสไตล์สปอร์ตของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดย ประกอบไปด้วยรุ่น GT ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ช่วยเสริม “คุณค่าด้านอารมน์” สำหรับลูกค้าผู้ชาญฉลาดที่ให้ความสำคัญทั้งกับความทันสมัย สมรรถนะ และความอัจฉริยะในการขับขี่ ในขณะที่รุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ GLX ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้หญิงเป็นหลัก โดยสะท้อนให้เห็นถึง “คุณค่าด้านเหตุผล” ด้วยรูปลักษณ์สวยงาม เพราะบริษัทฯ เชื่อว่าผู้หญิงจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของรถยนต์กลุ่มนี้ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ถูกออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่เร้าใจ และสะท้อนความแข็งแกร่ง ด้วยการผสมผสานระหว่างห้องโดยสารขนาดใหญ่สไตล์สปอร์ตและตัวถังที่กว้างขึ้น ร่วมกับการออกแบบด้านหน้าตัวรถให้ลาดเอียงลงรับกับกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ
ในขณะที่การออกแบบภายในเน้นการผสมผสานระหว่างฟังก์ชั่นการใช้งานและความทันสมัยในทุกๆส่วนของตัวรถ แผงคอนโซลหน้าทรงโค้งให้ความรู้สึกกว้างสบายที่สุดในรถระดับเดียวกันพร้อมการออกแบบองค์ประกอบต่างๆ เพิ่มความสะดวกสูงสุดให้กับผู้ขับขี่ทั้งในเรื่องของการใช้งาน ทัศนวิสัย และการมองเห็น นอกจากนี้ระยะฐานล้อรถที่กว้างขึ้น ทำให้ได้การทรงตัวและการตอบสนองของรถที่ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ออกแบบให้มีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบสุดในรถระดับเดียวกันเพียง 5.0 เมตร
เครื่องยนต์ใหม่ ของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มีขนาด 1.8 ลิตร FFV และ 2.0 ลิตร DOHC MIVEC พร้อมเสื้อสูบอลูมิเนียม ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4 ทำงานคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT INVECS-III สปอร์ตโหมด 6 จังหวะ ของมิตซูบิชิ ที่ให้สมรรถนะพร้อมการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น 1.8 ลิตร ที่ถือเป็นรถ FFV รุ่นแรกที่ผลิตเป็นจำนวนมากเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยซึ่งรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทุกประเภทตั้งแต่เบนซินธรรมดาไปจนถึงแก๊สโซฮอล์ อี 85 ในขณะที่รุ่น 2.0 ลิตร รองรับได้ถึงแก๊สโซฮอล์ อี 20 ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้พัฒนาเครื่องยนต์ขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถแลนเซอร์ อีเอ็กซ์ FFV โดยได้มีการปรับโครงสร้างทางวิศวกรรมทุกส่วนที่เกี่ยวข้องให้รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งอี 85 ที่มีปริมาณการกัดกร่อนสูง โดยการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สัมผัสกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 ไม่ว่าจะเป็น ถังน้ำมัน ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง วาล์วและบ่าวาล์ว ท่อส่งน้ำมัน และหัวฉีด ซึ่งทำจากโลหะ ยาง และพลาสติก เพื่อให้สามารถทนต่อการกัดกร่อนดังกล่าวได้ ในขณะที่สมองกลอัจฉริยะของเครื่องยนต์ INTELLIGENT ECU จะทำการตรวจสอบและปรับอัตราการฉีดจ่ายน้ำมันและระยะเวลาในการจุดระเบิดเชื้อเพลิงโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะที่ดีที่สุดในทุกครั้งที่เติมน้ำมันไม่ว่าจะเป็นเบนซิน หรือแก๊สโซฮอล์ อี 10 ไปจนถึง อี 85 ก็ตาม
![](http://www.thaiautoshop.com/wp-content/uploads/2009/09/mitsubishi-lancer-ex_25.jpg)
จากโครงสร้างที่แข็งแกร่งพร้อมระบบความปลอดภัยที่ช่วยลดความเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เป็นเยี่ยม รวมไปถึงระบบช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาใหม่ มีส่วนช่วยทำให้การทรงตัวและการตอบสนองของรถ รวมไปถึงความปลอดภัยที่เหนือกว่า การปรับปรุงความปลอดภัยจากการรับแรงกระแทก รวมทั้งตัวถังนิรภัย RISE Body ระบบถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า รวมไปถึงระบบเพิ่มความสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (AFS)* ที่ช่วยเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน ถือเป็นระบบที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและลดผลกระทบเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้อย่างทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น * เฉพาะรุ่น GT
ในส่วนของรุ่นปัจจุบันอยู่ในเจนเนอเรชั่นที่ 8 เริ่มในปี 2543 กับแลนเซอร์ ซีเดีย ถือเป็นครั้งแรกที่มิตซูบิชินำเอาขุมพลังเทคโนโลยีฉีดเชื้อเพลิงตรงสู่ห้องเผาไหม้ GDI นำมาผนวกกับระบบส่งกำลังอัตราทดแปรผัน CVT วางลงในโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE BODY รองรับแรงกระแทกจากการชนทั้งด้านหน้าด้านข้างและด้านหลังได้เป็นอย่างดี โดยเปิดตัวในเมืองไทยในปี 2544 และมี จอน บอง โจวี ร็อกสตาร์ ชื่อดัง เป็นพรีเซ็นเตอร์ภาพยนตร์โฆษณา จากนั้นในพ.ศ. 2545 ได้มีการปรับโฉมครั้งแรก และเพิ่มทางเลือกใหม่ในสไตล์สปอร์ตใน พ.ศ. 2546 ด้วยแลนเซอร์ 1.8 VIRAGE ตกแต่งด้วยสีแดงเพลิงรอบคัน หลังจากนั้นในต้นปี 2547 ทำการปรับโฉมครั้งใหญ่โดยเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้า-หลังใหม่ทั้งหมดมาเป็นแบบโค้งมน ด้วยกระจังหน้าทรงปิระมิด ก่อนจะมีการแนะนำรุ่นไมเนอร์เชนจ์และรุ่นพิเศษต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดได้แนะนำแลนเซอร์ ซีเอ็นจี (CNG) ติดตั้งระบบจ่ายเชื้อเพลิงสำหรับการใช้ก๊าซธรรมชาติอัด CNG (Compressed Natural Gas) สำหรับลูกค้าที่ต้องการรถยนต์นั่งที่ให้ทั้งความคุ้มค่าคุ้มราคาและการประหยัดที่เป็นเยี่ยม
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ การออกแบบ …โดดเด่นสะท้อนภาพลักษณ์สไตล์สปอร์ตของมิตซูบิชิ (1) โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ....สะท้อนความปราดเปรียวและหรูหรา แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของรถเก๋งจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส จากการออกแบบโฉมหน้าใหม่ โดดเด่นด้วยเส้นสายที่สะท้อนความปราดเปรียว สมรรถนะ และความล้ำสมัย บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของมิตซูบิชิได้เป็นอย่างดี ด้วยส่วนหน้าที่ลาดเอียงลงตามแบบฉบับรถเก๋งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกอบกับเส้นสายเรียบง่ายของฝากระโปรงรถ ที่ยังให้ความปลอดภัยไปถึงคนเดินถนน พร้อมกระจังหน้าใหม่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูช่วยเสริมให้รถดูปราดเปรียวและล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น
![](http://www.thaiautoshop.com/wp-content/uploads/2009/09/mitsubishi-lancer-ex_22.jpg)
ด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต ทำให้มิตซูบิชิ แลนซอร์ อีเอ็กซ์ เหนือกว่าในเรื่องอากาศพลศาสตร์ (โดยให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน เพียง 0.29) โดยรุ่น GT รุ่น GLS-Ltd. และ รุ่น GLS มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียม ไฟตัดหมอกหน้า และปลายท่อสเตนเลส พร้อมเสริมอารมณ์สปอร์ตให้กับรุ่น GT ยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน และสปอยเลอร์หลัง
เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วยไฟหน้า 2 สไตล์ รูปทรงใหม่ ดุดัน ที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ได้แก่ ไฟหน้ามัลติรี เฟล็กเตอร์ แบบฮาโลเจน สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ รุ่น GLX และไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ แบบไบซีนอน (Bi-Xenon) พร้อมระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าและระบบเพิ่มความส่องสว่างด้านข้างขณะเข้าโค้ง (AFS) สำหรับรุ่น GT ในขณะที่ด้านหลังตัวรถออกแบบให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่กว้างขึ้น พร้อมจัดวางแนวเฉียงขึ้นช่วยให้เห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม และยังช่วยเสริมให้มีดีไซน์ที่สวยงามและทันสมัยยิ่งขึ้น
โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยด์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแลนเซอร์ อีเอ็กซ์ สะท้อนภาพลักษณ์ของสมรรถนะที่แข็งแกร่งและการทรงตัวที่เป็นเยี่ยม โดยในเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร FFV รุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และรุ่น GLX ใช้ล้ออัลลอยล์ขนาด 16 นิ้ว ในขณะที่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่น GT มาพร้อมล้ออัลลอยด์ ขนาด 18 นิ้ว ใหญ่สุดในรถระดับเดียวกัน
(2) การออกแบบภายใน ....เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย ผ่อนคลายตลอดการเดินทาง จากการออกแบบที่ยึดความต้องการของผู้ใช้รถเป็นหลัก ทำให้ได้มาซึ่งห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้น รับกับฟังก์ชั่นการใช้ งานที่ให้ความรู้สึกที่เหนือกว่าในทุกๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งคนโดยสารหรือคนขับ
ห้องโดยสารกว้างที่สุดในรถระดับเดียวกันถึง 1,985 มม. ถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ ในขณะที่ความสูงของห้องโดยสารตอนหน้าอยู่ที่ 905 มม. ให้ความโอ่โถงสบายเทียบเท่ารถยนต์ซีดานขนาดใหญ่
แผงคอนโซลหน้าทรงโค้งให้ความรู้สึกกว้างสบาย ผนวกกับการออกแบบในส่วนรายละเอียดเพื่อให้ความสะดวกสูงสุด ทั้งในด้านการขับขี่ ทัศนวิสัย และการมองเห็น เพิ่มอารมณ์สปอร์ตและเสริมความโดดเด่นของห้องโดยสารยิ่งขึ้นด้วยชุดอุปกรณ์หุ้มหนัง** แอร์อัตโนมัติ** และพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น *
แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มาพร้อมห้องโดยสาร 2 แบบ 2 สไตล์ ได้แก่ ห้องโดยสารโมโนโทนสีดำสไตล์สปอร์ตในรุ่น GT และ GLS-Ltd. และห้องโดยสารแบบทูโทน สีดำ-เบจในรุ่น GLS และ GLX ให้ความรู้สึกหรูหราและผ่อนคลาย
![](http://pics.manager.co.th/Images/552000011679803.JPEG)
เพิ่มความเท่ และสบายยิ่งขึ้น ด้วยเบาะหนังแบบสปอร์ตใน รุ่น GT และ GLS-Ltd. และเบาะผ้าสีเบจสองสไตล์ ในรุ่น GLS และ GLX พร้อมความพิถีพิถันในการออกแบบเบาะนั่งด้านหน้าใหม่ เพื่อความรู้สึกกระชับและสบายกว่าในขณะนั่ง รวมทั้งช่วยในการลดแรงกระแทก ในขณะที่เบาะหลังมีขนาดใหญ่ พร้อมพนักพิงศีรษะ 3 ตำแหน่งในรุ่น GT และ GLS-Ltd. เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังสามารถปรับพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มความสะดวกในการบรรทุกสัมภาระ
จอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ทันสมัย ด้วยจอแสดงผลเรืองแสงสีแดงแบบ LED ง่ายต่อการอ่านและการใช้งานขณะขับขี่รถ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น แสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย ทั้งความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง และระบบเตือนการบำรุงรักษา อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอกตัวรถ รวมไปถึงการเตือนต่างๆเมื่อมีความผิดปกติของระบบต่างๆ
(3) เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก...เพื่ออรรถประโยชน์สูงสุดในการขับขี่ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่น GT ใช้ระบบพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น เทคโนโลยีที่ตอบสนองทุกการเดินทาง สามารถเลือกปรับการใช้งานหลากหลายได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเพื่อการควบคุมที่ดีกว่า ทั้งระบบควบคุมเครื่องเสียงที่ง่ายต่อการปรับ เลือกเพลงและระบบเสียง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) เพื่อการควบคุมความเร็วให้คงที่เพิ่มความสะดวกสบาย และช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการขับขี่ระยะทางไกลๆ
เพิ่มประโยชน์ใช้สอยในทุกตารางนิ้วด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมายที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นช่องเก็บของขนาดใหญ่ พร้อมช่องวางขวดน้ำบริเวณข้างประตู ถาดเก็บของและกล่องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่แบบมีฝาปิดที่คอนโซลกลาง ในขณะที่เบาะหลังมาพร้อมที่พักแขน ที่วางแก้ว และช่องเก็บของบริเวณประตูหลัง
เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยระบบเครื่องเสียงวิทยุซีดี MP3 แบบ 6 แผ่น พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่งในรุ่น GT รุ่น GLS-Ltd. และ GLS ในขณะที่รุ่น GLX มาพร้อม วิทยุซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง
เพิ่มความสะดวก และปลอดภัยมากขึ้นด้วยระบบกุญแจรีโมท พร้อมระบบควบคุมการปลดล็อกฝากระโปรงท้าย
นอกจากนี้รถทุกรุ่นยังติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกและปลอดภัยอัจฉริยะ Mitsubishi Motors ETACS (Electric Total Automobile Control System) ซึ่งควบคุมระบบไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบปิดไฟหน้าและไฟในห้องโดยสารอัตโนมัติ ระบบสัญญาณกันขโมย** ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม (immobilizer) และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายในรถ
(4) ระบบขับเคลื่อน...เทคโนโลยีล้ำสมัยให้ทั้งสมรรถนะที่โดดเด่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม![](http://pics.manager.co.th/Images/552000011679805.JPEG)
แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ขนาดเล็กและเบา บล็อก 4B10 ขนาด 1.8 ลิตร FFV และ 4B11 ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC MIVEC
ล้ำหน้ากับเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ ด้วยเสื้อสูบอลูมิเนียม ฝาครอบวาล์วแบบพลาสติกพิเศษ พร้อมโครงสร้างการวางท่อร่วมไอเสียไว้ด้านหลัง และการติดตั้งแผ่นสแตนเลสครอบท่อร่วมไอเสียโดยรอบเพื่อป้องกันความร้อน มาพร้อม MIVEC ระบบวาล์วแปรผันที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วทั้งไอดีและไอเสียให้แปรผันสัมพันธ์กับอัตราเร่งในทุกๆรอบเครื่องยนต์และทุกสภาพการขับขี่ จึงให้ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม
ระบบเกียร์อัจฉริยะ CVT พร้อมติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III แบบ 6 จังหวะ เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต และเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชั่น Sport Mode ให้การปรับเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและแม่นยำ เหมาะสมในทุกรอบความเร็วของเครื่องยนต์ เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อน ตอบสนองทุกอัตราเร่ง พร้อมการประหยัดน้ำมัน
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่น 1.8 ลิตร ถือเป็นรถยนต์ FFV รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากเพื่อการจำหน่ายในประเทศไทยติดตั้งเครื่องยนต์ทันสมัยรองรับได้ทั้งน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ทุกชนิดจนถึง E85 ทั้งนี้เพื่อตอบสนองนโยบายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลในฐานะวาระแห่งชาติ รวมทั้งสนับสนุนเกษตรกรไทยและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
มั่นใจในสมรรถนะแม้เติมน้ำมันที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเบนซิน 100 % ไปจนถึงน้ำมันเบนซินที่ผสมเอทานอล (แก๊สโซฮอลล์) ได้ทุกสัดส่วนตั้งแต่ E0 ถึง E85 เพราะด้วยสมองกลอัจฉริยะของเครื่องยนต์ “INTELLIGNET ECU” ระบบจะทำการตรวจวิเคราะห์และคำนวณสัดส่วนของเอทานอลที่มีอยู่ในถังน้ำมันเชื้อเพลิง และปรับการฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศที่เหมาะสมที่สุดในทุกสภาวะของเครื่องยนต์ โดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะที่ดีที่สุด มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ FFV 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงที่ 139 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ในขณะที่รุ่น 2.0 ลิตร ซึ่งรองรับทั้งเบนซิน 91 95 แก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 198 นิวตัน-เมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ทุกรุ่นผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4
(5) ระบบช่วงล่าง...ใหม่ แข็งแกร่ง อีกระดับของการควบคุมและเสถียรภาพในการขับขี่ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ติดตั้งระบบช่วงล่างหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยส์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงค์พร้อมคอยส์สปริง และเหล็กกันโคลง ช่วยให้รถมีการทรงตัวเป็นเยี่ยมและง่ายต่อการควบคุม ยิ่งไปกว่านั้นในรุ่น GT ยังมีการติดตั้งเหล็กค้ำโช้คหน้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งเมื่อใช้ความเร็วสูง
เพื่อให้ได้กำลังสูงสุดและการควบคุมที่ดีที่สุด รวมไปถึงการทรงตัวและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ จึงมาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้วและ 18 นิ้ว โดยในรุ่น GT มาพร้อมล้ออัลลอยล์ขนาดใหญ่สุดในรถระดับเดียวกัน แบบ 10 ก้านขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/45R18 เพิ่มการยึดเกาะถนนและการเข้าโค้งพร้อมสมรรถนะที่เป็นเยี่ยม ในขณะที่รุ่น GLS-Ltd. GLS และ GLX มาพร้อมล้ออัลลอยล์ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางแบบ 205/60 R16 เพื่อความแม่นยำในการเข้าโค้งและสะดวกสบายในการขับขี่
โดดเด่นด้วยรัศมีวงเลี้ยวที่แคบที่สุดในรถระดับเดียวกันเพียง 5.0 เมตร เพิ่มความสะดวกในการขับขี่มากยิ่งขึ้น แม้จะมีห้องโดยสารที่กว้างที่สุดในรถระดับเดียวกันก็ตาม
(6) มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัย...ได้มาตรฐานโลก ตัวถังของรถมิตซูบิชิแลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ RISE Body เอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมคานเหล็กนิรภัยในประตู นอกจากนี้ยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยส่วนรับแรงกระแทกด้านข้างแบบ Ultra High Tensile Steel จึงทำให้สามารถปกป้องแรงกระแทกจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เสริมความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม (immobilizer) ระบบสัญญานกันขโมย** และมั่นใจยิ่งกว่าด้วยระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า** และระบบเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติพร้อมระบบผ่อนแรง** อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกด้วยดิสก์เบรกขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับล้อขนาด15 นิ้วขึ้นไป สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ GLX พร้อมรองรับล้อขนาด 16 นิ้วขึ้นไปสำหรับรุ่น GT
ด้วยเบาะนั่งคู่หน้าสไตล์สปอร์ตที่ได้รับการออกแบบเฉพาะช่วยปกป้องอันตรายที่จะเกิดกับคอ ในขณะที่ฝาประโปรงและกันชนหน้ามาพร้อมโครงสร้างที่จะช่วยซึมซับแรงกระแทกเพื่อลดการบาดเจ็บรวมทั้งปกป้องคนเดินถนน
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติ ช่วยลดแรงกระแทกจากการชนเพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า รวมทั้งลดอาการบาดเจ็บที่หน้าอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รุ่น GT มาพร้อมไฟหน้าติดตั้งระบบเพิ่มความสว่างขณะเข้าโค้ง (AFS) ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการมองเห็นสำหรับการขับขี่ยามค่ำคืน
* เฉพาะรุ่น GT ** ยกเว้นรุ่น GLX
ข้อมูลการขาย
เป้าหมายการขายในช่วง 6 เดือนแรก (มีนาคม 2553) 4,000 คัน
กิจกรรมการตลาด
เปิดรับจองล่วงหน้า ตั้งแต่ 16 กันยายน เป็นต้นไป
เปิดขายอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ 16 ตุลาคม เป็นต้นไป
งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ 16-18 ตุลาคม (10:00-21:00)
กิจกรรมโรดโชว์ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตุลาคม 2552- มีนาคม 2553
เปิดขายอย่างเป็นทางการ
ที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิ 129 แห่งทั่วประเทศ ข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัว
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง “ไดมอนด์ อินชัวรันส์” มั่นใจเต็มที่กับคุณภาพของการบริการหลังการขาย และอะไหล่แท้ของมิตซูบิชิ
ความพร้อมของการบริการหลังการขาย ภายใต้แนวคิด DIAMOND ถือเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุด ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ จึงเน้นคุณภาพสูงสุดของศูนย์บริการทั้ง 129 แห่ง ให้มีความพร้อมทั้งด้านการบริการ การขาย และอะไหล่ ด้วยการสร้างบุคลากรให้มีทักษะ เชี่ยวชาญในทุกด้าน ทั้งด้านความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์และเทคโนโลยีใหม่ของรถมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ โดยการจัดอบรมพนักงานขาย พนักงานช่างศูนย์บริการ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังจัดสำรองอะไหล่สิ้นเปลืองไว้ เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการได้ทันท่วงที พร้อมการกำหนดราคาของอะไหล่ มิตซูบิชิ แลนเซฮร์ อีเอ็กซ์ ให้สามารถแข่งขันได้
เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ด้วยราคาโดนใจ ![](http://pics.manager.co.th/Images/552000011703410.JPEG)
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มี 4 รุ่นให้เลือก เพื่อตอบสนองทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยมี 5 สีให้เลือก ประกอบด้วย สีแดง สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเทาดำ และสีดำ พร้อมราคาขาย:
1. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 MIVEC GLX ราคา 831,000 บาท
2. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 MIVEC GLS ราคา 886,000 บาท
3. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 MIVEC GLS-Ltd. ราคา 899,000 บาท
4. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 2.0 MIVEC GT ราคา 1,034,000 บาท ![](http://pics.manager.co.th/Images/552000011703409.JPEG)
![](http://pics.manager.co.th/Images/552000011703403.JPEG)
![](http://pics.manager.co.th/Images/552000011703405.JPEG)
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ที่ให้ทั้งสมรรถนะและความอัจฉริยะในการขับขี่ ที่สะท้อนความเป็นตัวตนและวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้ขับขี่ สามารถชมและทดลองขับ “มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์”Sensational Intelligence ได้ที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศ ตั้งแต่ 16 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009 หรือที่เว็บไซต์
www.mitsubishi-motors.co.th