ปตท .เล่นบทอารยะขัดขืน เลิกสนับสนุนเงินแท็กซี่ติดก๊าซเอ็นจีวีฟรี 40,000 บาทต่อคัน ภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้ ตามนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของภาครัฐ อ้างต้องรัดเข็มขัด หลังจากต้องแบกหนี้ท่วมหัว แต่รัฐบาลไม่ยอมปรับราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีให้ ส่งผลการใช้เอ็นจีวีสะดุดแน่ ขณะที่รถแท็กซี่ ยันไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมาไม่อยากใช้เอ็นจีวีอยู่แล้ว
นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)(บมจ.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากที่รัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทน โดยการกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีในภาคขนส่งมากขึ้น เพื่อทดแทนการใช้น้ำมัน และเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคนั้น
ทั้งนี้ จากการส่งเสริมดังกล่าว ทำให้บมจ.ปตท.ต้องแบกรับภาระจากการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีที่ต่ำกว่าต้นทุนจริง ไปแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับปีนี้ด้วย ประกอบกับต้องแบกรับภาระจากการนำเข้าก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้มีมติให้ชะลอการปรับราคาก๊าซหุงต้มและก๊าซเอ็นจีวีออกไปอย่าง ไม่มีกำหนด จากปัจจุบันราคาก๊าซหุงต้มอยู่ที่18.13 บาท/กิโลกรัม และราคาก๊าซเอ็นจีวีอยู่ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม เมื่อรวมภาระที่เกิดขึ้นแล้วทำให้บมจ.ปตท.ต้องแบกรับภาระเป็นจำนวนมาก และไม่รู้ว่าเงินที่ต้องจ่ายไปก่อนนี้จะได้รับคืนเมื่อใด
ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระที่จะเกิดขึ้นอีก บมจ.ปตท.จึงต้องพยายามหามาตรการลดค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ลง โดยเฉพาะโครงการเปลี่ยนการใช้ก๊าซแอลพีจีมาเป็นก๊าซเอ็นจีวีให้กับรถแท็กซี่ ฟรี ซึ่งบมจ.ปตท.จะออกค่าติดตั้งให้ฟรีเป็นจำนวนเงิน 40,000 บาทต่อคัน ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 เป็นต้นมา และนับจากสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 นี้เป็นต้นไป บมจ.ปตท.จะเลิกการอุดหนุนในส่วนนี้
เพราะที่ผ่านมาได้เข้าไปช่วยเหลือค่าติดตั้งในส่วนนี้ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท จากเดิมที่มีรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพียง 8,000 คัน แต่เวลานี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 38,000 คัน ในขณะที่ปัจจุบันมีรถแท็กซี่อยู่ประมาณ 60,000-70,000 คัน ซึ่ง
หากบมจ.ปตท.จะอุดหนุนรถแท็กซี่ให้มาเปลี่ยนเป็นก๊าซเอ็นจีวีต่อไป ก็จะส่งผลให้ต้องแบกรับภาระมากยิ่งขึ้นไป ดังนั้นจึงไม่มีเหตุที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลืออีก
"เวลานี้ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังอู่หรือสหกรณ์แท็กซี่ต่างๆ ได้ทราบแล้ว ว่าบมจ.ปตท.จะเลิกการสนับสนุนค่าติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีนับจากสิ้นเดือนกุมภา พันธ์นี้เป็นต้นไป ซึ่งหากอู่หรือสหกรณ์ต้องการเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวี ก็ขอมาให้ลงชื่อไว้ เพื่อที่จะทยอยเปลี่ยนให้ เพราะหลังจากนี้ไปคงจะไม่มีโครงการในลักษณะนี้อีก"
แหล่งข่าวจากระทรวงพลังงานกล่าวว่า จากการที่รัฐบาลชะลอปรับราคาก๊าซหุงต้มในภาคขนส่งออกไปอย่างไม่มีกำหนด ส่งผลให้การส่งเสริมการใช้ก๊าซเอ็นจีวีต้องสะดุดตามไปด้วย เนื่องจากไม่สามารถนำเงินจากที่กบง.เคยมีมติไว้ ในการนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและบมจ.ปตท.มาช่วยสนับสนุนการติดตั้ง ก๊าซเอ็นจีวีให้กับแท็กซี่ฟรีได้ ประกอบการ ทางบมจ.ปตท.มายกเลิกการสนับสนุนค่าติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีอีก จะยิ่งส่งผลให้การส่งเสริมการใช้ก๊าซเอ็นจีวีไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด จากเดิมที่วางเป้าหมายไว้ว่าสิ้นปี 2565 ก๊าซเอ็นจีวีจะต้องเข้าไปทดแทนน้ำมันให้ได้ 20 % คงไม่สามารถดำเนินการได้แล้ว
ขณะที่เป้าหมายยอดจำนวนรถยนต์เอ็นจีวีสะสมที่ปีนี้บมจ.ปตท.ตั้งเป้าไว้ที่ 165,000 คัน ก็คงไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าเช่นกัน เพราะคาดว่าจะไม่มีรถแท็กซี่เข้ามาเปลี่ยนเป็นก๊าซเอ็นจีวีอย่างแน่นอน
นายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมแท็กซี่สยาม ให้ความเห็นว่า จากการเลิกสนับสนุนค่าติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีให้กับรถแท็กซี่ฟรีนั้น คงไม่มีผลกระทบกับรถแท็กซี่แต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมารถแท็กซี่ก็ไม่อยากใช้ก๊าซเอ็นจีวีอยู่แล้ว เมื่อไม่มีแรงจูงใจในส่วนนี้รถแท็กซี่ก็จะยังใช้ก๊าซแอลพีจีต่อไปไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมาการสนับสนุนค่าติดตั้ง
ทางบมจ.ปตท.จ่ายให้เพียง 28,000 บาทต่อคัน ส่วนอีก 12,000 บาทต่อคัน รถแท็กซี่จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง แต่เมื่อทางกบง.มีมติออกมาที่จะปรับราคาก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งขึ้นไป จึงได้มีการหารือกับบรรดาแท็กซี่ ว่าจะช่วยลดผลกระทบได้อย่างไร ในที่สุดภาครัฐจึงมีมาตรการออกมาที่จะสนับสนุนเงินช่วยอีก 12,000 บาทต่อคน เท่ากับว่ารถแท็กซี่ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด แต่ในทางกลับกันจะได้เงินจำนวน 3,000 บาทต่อคัน ในการรับซื้อถังแอลพีจีคืน เมื่อนโยบายรัฐไม่มีเงินมาช่วยในการปรับเปลี่ยนเป็นเอ็นจีวี รถแท็กซี่ก็ไม่เดือดร้อน แต่ผลที่เกิดขึ้นคงจะตกกับภาครัฐเองที่จะส่งเสริมการใช้ก๊าซเอ็นจีวี