ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2012, 03:04:30 AM
|
superfiesta
สมาชิกใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2012, 03:04:30 AM » |
|
ผมติดแก๊สของ Europe gas มาเกือบ1ปีแล้วรถ Fiesta แต่ไม่ได้ตัดปั๊มติ๊ก แต่การใช้งานก็ยังปกติดีอยู่ จึงอยากถามว่าจำเป็นไหมที่ต้องตัดปั๊มติ๊ก และถ้าจะไปตัดต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 06, 2012, 03:34:51 PM
|
commada
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 06, 2012, 03:34:51 PM » |
|
ปั๊มน้ำมันทำงานตลอดก็จิงครับแต่ถ้าไม่ปล่อยให้น้ำมันในถังเหลือน้อยและหมดก็ไม่ค่อยพังหลอกครับ ปั๊มมันก็เป็นมอเตอร์ทำงานก็เกิดร้อน มันอาศัยน้ำมันนี้ละระบายความร้อน สาเหตุที่พังส่วนมากก็ปั๊มไหม้ละ เพราะไม่ค่อยเติมน้ำมันกันหรือเติมน้ำมันที่มีการกัดกร่อย ตัดกับไม่ตัดก็ค่าพอๆกันละ ก็ลองพิจารนาการให้ดูครับ ถ้าไม่ชอบเติมน้ำมันตัดก็ดีครับ แต่ถ้าน้ำมันในถังมีไม่ขาด ( ประมาณ 1/3 ของถัง) ก็ไม่ต้องตัดก็ได้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2012, 09:46:26 AM
|
moo_panus
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2012, 09:46:26 AM » |
|
การตัดปั้มติ๊กมีผลเสียมากกว่าไม่ตัดนะครับ ยกเว้นรถเก่า ถ้าหัวฉีดมีการั่วซึมแล้วถ้าไม่ยอมเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนก็สามารถตัดปั้มติ๊กได้ครับ แต่ก็ไม่แนะนำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พนัสอินเตอร์ยนต์ ออโต้เซอร์วิส (เยื้องโตโยต้า เจริญยนต์ บางแสน) ศูนย์บริการติดตั้งแก๊สรถยนต์ มาตรฐานครบวงจร 081-6532929 www.panusinteryont.com
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2012, 09:07:14 PM
|
chusan
Jr. Member
![*](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/star.gif)
ออฟไลน์
กระทู้: 17
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2012, 09:07:14 PM » |
|
ตามหลักการทำงานของปั๊มขึ้นอยู่กับปัจจัยการใช้งานเป็นหลักครับ..เอาแบบเบื้องต้นละกันเขียนแบบภาษาบ้านๆ ปั๊มมีสองทางคือ 1.ทางดูด เข้าป๊ม 2.ทางปล่อยออกจากปั๊ม ทั้งสองทางต้องทำงานสอดคล้องกันครับ สมุติปั๊มดูด 10 ลิตรจ่ายออก 10 ลิตรปั๊มมีปัญหายากครับเพราะไม่มีโหลด แต่ถ้า ดูด 10 ลิตรออก 7 ลิตร ตัวปั๊มและมอเตอร์ส่งกำลังมีปัญหาแน่ครับเพราะโหลดสูงอย่างนี้ตามหลักการต้องออกแบบคุณสมบัติของปั๊มให้สอดคล้องกับการใช้งาน(มีหลายวิธีมากครับ)แต่ถ้าปั๊มดูด 10ลิตร แต่ทางออกถูกปิดถูกอั้นอยู่ในระบบถ้าท่อทางเดินไม่แตกเสืยก่อนรับลองปั๊มพังแน่นอน..อันนี้เป้นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับถูกผิดเรามาแรกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน..ในส่วนตัวไม่ยากให้ตัดปั๊มหรอกครับแต่หยากให้ตัดท่อทางเดินน้ำมันให้มีทางบายพลาสกับถังโดยไม่ต้องผ่านห้องเผาไหม้ให้สูญเสืยน้ำมัน(คือให้ปั๊มทำงานปกติเหมือนตอนใช้น้ำมันแต่ไม่ส่งเข้าห้องเครื่องยนต์แต่ปั๊มไปแล้วกลับมาที่ถังเหมือนเดิม..ทังหมดนี้ให้มีวงจรควบคุมการปิด-เปิด(เปลี่ยนทิศทาง)บังคับให้ทำงานตามต้องการ...ยุ่งยากไปไหมครับแต่น่าจะถุกใจคนใช้รถนะครับ..ทีสำคัญอุปกรณ์ปั๊มติ๊กน่าจะใช้งานได้ตามอายุจริงไม่ใช่พังก่อนอายุการใช้งาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 09:56:58 AM
|
Mr.แก๊ส
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 09:56:58 AM » |
|
ระบบส่งน้ำมัน ปกติวงจรน้ำมันก็มีท่อน้ำมันไหลกลับเข้าถัง ใช่หรือป่าวครับ ท่าน chusan ![ยิงฟันยิ้ม](https://iwebgas.com/smf/Smileys/default/grin.gif)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:09:00 PM
|
chusan
Jr. Member
![*](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/star.gif)
ออฟไลน์
กระทู้: 17
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:09:00 PM » |
|
ตามนี้ครับท่านฟักทองตัวควบคุมความดัน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมความดันน้ำมัน
กับค่าความดันของอากาศในท่อร่วมไอดีให้คงที่ตลอดเวลาจากการที่ความดันของอากาศในที่ร่วม
ไอดีมีการเปลี่ยนไปตามความเร็วรอบ
และภาระของเครื่องยนต์ดังนั้นถ้าหากความดันของน้ำมันถูกควบคุมไห้คงที่เพียงค่าเดียวจะ
ทำให้ค่าความแตกต่างระหว่างความดันน้ำมันเชื้อเพลิง
กับความดันอากาศในท่อร่วมไอดีมีค่าไม่คงที่แน่นอนซึ่งเป็นเหตุให
้น้ำมันเชื้อเพลิงฉีดเข้าไปผสมกับอากาศในท่อไอดีมีปริมาณไม่เที่ยงตรง
ตามระยะเวลาในการฉีดที่กำหนด ความสัมพันธ์ของความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศ
ในท่อไอดี ซึ่งจะรักษา ความดัน น้ำมันให้มีค่าความแตกต่างเท่ากันตลอดเวลา
( Differential pressure)
ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะต่ำ(เป็นสูญญากาศมาก) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง
ถ้าเหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะสูง(เป็นสูญญากาศน้อย) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้สูงขึ้น
สรุปคือ
ความดันในท่อน้ำมันจะถูกรักษาให้มีความดันสูงๆ ต่ำๆ ตามความดันในท่อไอดี ซึ่งก็คือการเหยียบคันเร่งนั่นเอง
ถ้ารถวิ่งเร็วๆ
ความดันน้ำมันก็จะสูง (ซึ่งจะไม่เกิน 2.55 bar) ถ้ารถวิ่งช้า หรือเครื่องเดินเบา
ความดันของน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง (น้อยกว่า
2 bar)
ดังนั้น ขณะที่รถวิ่งด้วย GAS
ถ้าไม่ตัดปั้มติ๊ก ตัวควบคุมความดัน(Pressure regulator) ก็จะยังทำงานอยู่เหมือนเดิม
เพราะ เรายังเหยีบคันเร่งเหมือนเดิม
และความดันในท่อไอดีก็ยังมีเหมือนเดิม น้ำมันจากปั้มถูกปั้มมา และจะถูกควบคุมให้สูงๆต่ำๆ
เหมือนขณะที่ใช้น้ำมันทุกประการไม่ได้อยู่ที่ความดันสูงตลอดเวลาอย่างที่คิด น้ำมันก็จะไหลหมุนเวียนผ่าน
ปั้มติ๊ก, ท่อ, รางหัวฉีดน้ำมัน
และกลับถัง
ถ้าตัดปั้มติ๊ก ปั้มจะหยุดทำงานแต่น้ำมันจะถูกกักไว้ด้วย วาวล์กันกลับที่ตัวปั้ม แต่
ตัวควบคุมความดันก็ยังทำหน้าที่ มันเหมือนเดิม
คือเปิดให้น้ำมันไหลกลับถัง ถ้าความดันในท่อไอดีเปลี่ยนไป ทำให้ความดัน
ในรางหัวฉีดน้ำมันต่ำลง(เรื่อยๆ)เพราะปั้มถูกตัดไปแล้ว
ถ้าวิ่งระยะทางไกลๆทำให้ความร้อนในห้องเครื่องสูงขึ้น รางหัวฉีดน้ำมัน
ท่อน้ำมันในห้องเครื่อง(บางส่วน) มีความร้อนสูงขึ้น
น้ำมันบางส่วนที่ค้างอยู่ในท่อ ก็จะถูกต้มให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น เพราะน้ำมันหยุดไหลจากความดันที่ลดต่ำลง
แต่จะไม่ทำให้ความดันสูงขึ้นได้
เพราะ ตัว ควบคุมความดันยังทำงานอยู่แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือความร้อนที่สะสมอยู่กับรางหัวฉีด
และท่อน้ำมันบางส่วน ซึ่งจะมีน้ำมันร้อนๆ
ที่ค้างอยู่ข้างในนั่นเอง ซึ่งคงจะไม่ทำให้ท่ออ่อนแตกหรือแห้งกรอบได้
ดังนั้นไม่ว่าท่านใดจะตัดหรือไม่ตัดปั้มติ๊กก็ตาม คงไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ แต่ ถ้า
ท่อน้ำมัน,สายอ่อนน้ำมันที่เสื่อมตามสภาพและอายุการใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาที่ดี
ขาการตรวจเช็ค(ด้วยตัวท่านเอง)อย่างสม่ำเสมอ
นั่นแหละท่านกำลังทำให้เกิดความเสี่ยงแล้ว
ท่านที่ตัดปั้มไปแล้วอย่างน้อยท่านก็ช่วยยืดอายุของปั้ม แต่อย่าตัดขาดครับ
ต้องใช้งานบ้างครับ ถ้าไม่ใช้งานเลยก็เสียครับ
ท่านที่ยังไม่ได้ตัดปั้ม อย่างน้อยท่านก็ยังไม่เสียเงินค่าแรงในการตัด
ข้อมูลทั้งหมดนี้หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่ตัดครับ
ให้มันทำงานของมันไป ไม่กลัวปั้มจะพังเร็ว
เพราะเชื่อการ design ว่าทำมาให้มั่นใจแล้วแต่ผมกลัวสิ่งที่คาดเดาได้ยากจากสิ่งที่นอกหนือการ
design อย่างน้อยขณะที่เราเปลี่ยนจาก
แก๊สเป็นน้ำมัน จะได้ smooth ครับ
ข้อมูล จากหนังสือ เครื่องยนต์หัวฉีด EFI โดย ....นพดล เวชวิฐาน ......ได้มาแค่นี้ครับท่านฟักทองที่น่ารัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:17:00 PM
|
J-AUTOGAS
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:17:00 PM » |
|
ระบบส่งน้ำมัน ปกติวงจรน้ำมันก็มีท่อน้ำมันไหลกลับเข้าถัง ใช่หรือป่าวครับ ท่าน chusan ![ยิงฟันยิ้ม](https://iwebgas.com/smf/Smileys/default/grin.gif) รถยนต์รุ่นใหม่ เกือบทุกรุ่นในท้องตลาดตอนนี้ จากถังน้ำมัน ไปรางหัวฉีดน้ำมัน จะมีท่อส่งน้ำมันไปเพียงเส้นเดียว ท่อน้ำมันกลับ จะไม่มีเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ ท่อที่อาจเห็นว่าวิ่งคู่ไปด้วยอีกเส้น จะเป็นท่อไอน้ำมันเบนซิน ที่ถูกต่อท่อ น้ำไปเผาไหม้ด้วย เพราะตัว ควบคุมแรงดันน้ำมัน Regulator ถูกนำไปติดตั้งไว้ในถังน้ำมันแทน ระบบนี้ จะรักษาแรงดันในท่อส่งน้ำมันให้มีแรงดัน ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น vios ถูกตั้งแรงดันใช้งานไว้ 2 bar น้ำมันที่เกิน 2 bar ที่ปั้มสูบอัดขึ้นมา ก็จะโบล์ทิ้งกลับลงสู่ถังน้ำมันเลย หาก เมื่อใด รถใช้งานไปนานๆ ตัว Regulator เริ่มเสื่อม สภาพ แรงดันน้ำมันเริ่มตกลง เช่น ต่ำกว่า 2 bar เหลือ 1.5 bar เครื่องยนต์ ก็ยังทำงานได้ตามปกติ รถวิ่งปกติ ไม่อืด ไม่ส่วนผสมบาง เพราะ กล่องเครื่องยนต์รุ่นใหม่ เป็นกล่องที่เรียนรู้ และปรับจูนตัวเอง ตลอดเวลา หากแรงดันน้ำมันตก ออกซิเจนจับเจอ ส่วนผสมบาง กล่องเครื่องยนต์ สั่งเพิ่มการฉีด ถ้าเป็นอาการนี้ เราใช้เครื่องมือ scan obd อ่านค่าจากกล่อง ecu รถยนต์ จะเห็นค่า long term ขยับตัวในทางบวกให้เราเห็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:21:10 PM
|
J-AUTOGAS
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:21:10 PM » |
|
โดยที่ กล่อง ecu เครื่องยนต์ ไม่จำเป็นต้องรู้ ว่า แรงดันน้ำมันในท่อน้ำมันตอนนี้ มีแรงดันเท่าใด
แต่ ใช้ การตรวจจับที่ปลายทาง คือ ที่ไอเสีย ที่ตัว ออกซิเจนเซ็นเซอร์แทน
และวงจร การทำงานนี้ จะทำงานตรวจสอบ ตรวจจับ อย่างนี้ตลอดเวลา
หากแต่ว่า เมื่อใด ที่ตัวปั้มน้ำมัน หรือ ตัว Regulator เสื่อมสภาพมาก ทำให้แรงดันน้ำมันตก ลงมาเกินไป เช่น ต่ำกว่า 1 bar จนทำให้ น้ำมันที่ฉีดออกไป ที่ตรงหัวฉีด น้ำมัน ไม่ฉีดเป็นฝอยละออง แต่ ฉีดออกเป็น หยดแทน หากอาการเป็น แบบนี้จะทำให้เครื่องยนต์ สตาร์ทติดยาก หรือ สตาร์ทไม่ติดขึ้นมาทันที
อาการ แบบนี้ จึงจำเป็นต้องซ่อมปั้มน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ เปลี่ยนชุดซ่อมกันใหม่ แต่ส่วนมากเป็นกันน้อยมาก ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:25:38 PM
|
chusan
Jr. Member
![*](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/star.gif)
ออฟไลน์
กระทู้: 17
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:25:38 PM » |
|
เข้าใจว่า(แบบเข้าใจเอาเองนะครับ) ที่ถามมามันอยู่ที่ตัวติ๊กน้ำมัน(ถูกต้องนะครับ) ก็ตามการทำงานของมัน ในโอกาสที่เกิดท่อน้ำมันอุดตัน แต่ติ๊กยังทำงานส่งแรงดันออกไป ถ้าไม่มีทางระบายแรงดันคงไม่ดีแน่ ก็เลยทำตัวระบายแรงดันไว้สะใกล้ๆกันเลย เพื่อเวลาส่งน้ำมันไปไม่ได้ก็ออกทางเจ้ารูนี้แหล่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:29:52 PM
|
chusan
Jr. Member
![*](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/star.gif)
ออฟไลน์
กระทู้: 17
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:29:52 PM » |
|
สงสัยจะยาว...แตกประเด็นรถเก่ารถใหม่มีท่อกลับและไม่มีท่อกลับ....ยาวไปๆๆๆๆๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 09:49:28 AM
|
Mr.แก๊ส
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 09:49:28 AM » |
|
ติดแก๊สจะตัด หรือ ไม่ตัด ปั้ม ผมไม่เคยซีเรียส ขอให้ใช้งานให้ถูกต้อง อย่างวิธีการที่ควรจะเป็น แต่สำหรับรถบางรุ่น ติดแก๊สแล้ว ควรตัดปั้มนั้น ผมว่า ช่าง เค้ารู่ดีกว่ารุ่นไหนสมควรทำแบบไหน เพราะคนที่หันมาใช้แก๊สบางคนยังเคยตัว ที่เป็นประเภท ใช้ อย่างเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 10:07:15 AM
|
AUTO-D
energy specialist
Hero Member
![*](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/stargmod.gif) ![*](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/stargmod.gif) ![*](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/stargmod.gif)
ออฟไลน์
กระทู้: 2157
www.auto-d.net
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 10:07:15 AM » |
|
ตามนี้ครับท่านฟักทองตัวควบคุมความดัน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมความดันน้ำมัน
กับค่าความดันของอากาศในท่อร่วมไอดีให้คงที่ตลอดเวลาจากการที่ความดันของอากาศในที่ร่วม
ไอดีมีการเปลี่ยนไปตามความเร็วรอบ
และภาระของเครื่องยนต์ดังนั้นถ้าหากความดันของน้ำมันถูกควบคุมไห้คงที่เพียงค่าเดียวจะ
ทำให้ค่าความแตกต่างระหว่างความดันน้ำมันเชื้อเพลิง
กับความดันอากาศในท่อร่วมไอดีมีค่าไม่คงที่แน่นอนซึ่งเป็นเหตุให
้น้ำมันเชื้อเพลิงฉีดเข้าไปผสมกับอากาศในท่อไอดีมีปริมาณไม่เที่ยงตรง
ตามระยะเวลาในการฉีดที่กำหนด ความสัมพันธ์ของความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศ
ในท่อไอดี ซึ่งจะรักษา ความดัน น้ำมันให้มีค่าความแตกต่างเท่ากันตลอดเวลา
( Differential pressure)
ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะต่ำ(เป็นสูญญากาศมาก) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง
ถ้าเหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะสูง(เป็นสูญญากาศน้อย) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้สูงขึ้น
สรุปคือ
ความดันในท่อน้ำมันจะถูกรักษาให้มีความดันสูงๆ ต่ำๆ ตามความดันในท่อไอดี ซึ่งก็คือการเหยียบคันเร่งนั่นเอง
ถ้ารถวิ่งเร็วๆ
ความดันน้ำมันก็จะสูง (ซึ่งจะไม่เกิน 2.55 bar) ถ้ารถวิ่งช้า หรือเครื่องเดินเบา
ความดันของน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง (น้อยกว่า
2 bar)
ดังนั้น ขณะที่รถวิ่งด้วย GAS
ถ้าไม่ตัดปั้มติ๊ก ตัวควบคุมความดัน(Pressure regulator) ก็จะยังทำงานอยู่เหมือนเดิม
เพราะ เรายังเหยีบคันเร่งเหมือนเดิม
และความดันในท่อไอดีก็ยังมีเหมือนเดิม น้ำมันจากปั้มถูกปั้มมา และจะถูกควบคุมให้สูงๆต่ำๆ
เหมือนขณะที่ใช้น้ำมันทุกประการไม่ได้อยู่ที่ความดันสูงตลอดเวลาอย่างที่คิด น้ำมันก็จะไหลหมุนเวียนผ่าน
ปั้มติ๊ก, ท่อ, รางหัวฉีดน้ำมัน
และกลับถัง
ถ้าตัดปั้มติ๊ก ปั้มจะหยุดทำงานแต่น้ำมันจะถูกกักไว้ด้วย วาวล์กันกลับที่ตัวปั้ม แต่
ตัวควบคุมความดันก็ยังทำหน้าที่ มันเหมือนเดิม
คือเปิดให้น้ำมันไหลกลับถัง ถ้าความดันในท่อไอดีเปลี่ยนไป ทำให้ความดัน
ในรางหัวฉีดน้ำมันต่ำลง(เรื่อยๆ)เพราะปั้มถูกตัดไปแล้ว
ถ้าวิ่งระยะทางไกลๆทำให้ความร้อนในห้องเครื่องสูงขึ้น รางหัวฉีดน้ำมัน
ท่อน้ำมันในห้องเครื่อง(บางส่วน) มีความร้อนสูงขึ้น
น้ำมันบางส่วนที่ค้างอยู่ในท่อ ก็จะถูกต้มให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น เพราะน้ำมันหยุดไหลจากความดันที่ลดต่ำลง
แต่จะไม่ทำให้ความดันสูงขึ้นได้
เพราะ ตัว ควบคุมความดันยังทำงานอยู่แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือความร้อนที่สะสมอยู่กับรางหัวฉีด
และท่อน้ำมันบางส่วน ซึ่งจะมีน้ำมันร้อนๆ
ที่ค้างอยู่ข้างในนั่นเอง ซึ่งคงจะไม่ทำให้ท่ออ่อนแตกหรือแห้งกรอบได้
ดังนั้นไม่ว่าท่านใดจะตัดหรือไม่ตัดปั้มติ๊กก็ตาม คงไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ แต่ ถ้า
ท่อน้ำมัน,สายอ่อนน้ำมันที่เสื่อมตามสภาพและอายุการใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาที่ดี
ขาการตรวจเช็ค(ด้วยตัวท่านเอง)อย่างสม่ำเสมอ
นั่นแหละท่านกำลังทำให้เกิดความเสี่ยงแล้ว
ท่านที่ตัดปั้มไปแล้วอย่างน้อยท่านก็ช่วยยืดอายุของปั้ม แต่อย่าตัดขาดครับ
ต้องใช้งานบ้างครับ ถ้าไม่ใช้งานเลยก็เสียครับ
ท่านที่ยังไม่ได้ตัดปั้ม อย่างน้อยท่านก็ยังไม่เสียเงินค่าแรงในการตัด
ข้อมูลทั้งหมดนี้หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่ตัดครับ
ให้มันทำงานของมันไป ไม่กลัวปั้มจะพังเร็ว
เพราะเชื่อการ design ว่าทำมาให้มั่นใจแล้วแต่ผมกลัวสิ่งที่คาดเดาได้ยากจากสิ่งที่นอกหนือการ
design อย่างน้อยขณะที่เราเปลี่ยนจาก
แก๊สเป็นน้ำมัน จะได้ smooth ครับ
ข้อมูล จากหนังสือ เครื่องยนต์หัวฉีด EFI โดย ....นพดล เวชวิฐาน ......ได้มาแค่นี้ครับท่านฟักทองที่น่ารัก
เห็นด้วยกับบทความนี้เป็นอย่างยิ่งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
AUTO D Service ถนนสายไหม ซอย80 ศูนย์ติดตั้งแก๊สรถยนต์มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากกรมขนส่งทางบก ปรับจูนและควบคุมงานโดยวิศวกร 089-9649449 www.auto-d.net
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 10:10:43 AM
|
moo_panus
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 10:10:43 AM » |
|
การวางระบบน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถรุ่นใหม่ๆโดยการติดตั้งเร็กกูเรเตอร์ไว้ในชุดปํ้มติ๊ก และมีตัวป้องกันการกระเพื่อมของน้ำมัน อยู่ที่รางหัวฉีด มีเหตุผลอยู่หลายประการดังนี้ครับ 1. ต้องการแรงดันที่คงที่ ไม่แปรผันตามแรงดูดสูญญากาศในท่อร่วมไอดี ถ้าความดันคงที่จะควบคุมการฉีดได้แม่นกว่า (เงื่อนไขและปัจจัยน้อยลง) 2. ไม่ต้องการให้น้ำมันไหลกับถัง เพราะน้ำมันที่ไหลกลับได้รับความร้อนจากเครื่องยนต์ มีโอกาศจะเกิดเป็นไอและฟองอากาศได้ง่าย 3. ต้องการควบคุมมลพิษเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พนัสอินเตอร์ยนต์ ออโต้เซอร์วิส (เยื้องโตโยต้า เจริญยนต์ บางแสน) ศูนย์บริการติดตั้งแก๊สรถยนต์ มาตรฐานครบวงจร 081-6532929 www.panusinteryont.com
|
|
|
ตกลงแล้วต้องตัดปั๊มติ๊กหรือเปล่า
|
ตอบ #13 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2012, 12:50:17 PM
|
HybridEnergy
|
![](https://iwebgas.com/smf/Themes/Web21/images/post/xx.gif) |
« ตอบ #13 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2012, 12:50:17 PM » |
|
Fiesta กับ Mazda2 เป็นปั๊มตัวเดียวกันครับ เดินสายน้ำมันเส้นเดียว และเรกูเลดตอร์อยู่ในเรือนปั๊มเลย สองรุ่นนี้ถ้าไม่ตัด จะเจอปัญหา สตาร์ทยากขึ้นได้ในอนาคตแน่อนอครับ แก้มาเยอะแล้วครับเป็นที่ท่ออ่อนในเรือนปั๊มมีปัญหาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
HybridEnergy ศูนย์ติดตั้งแก๊สมาตราฐาน รับรองโดยกรมขนส่ง ถ.รังสิต-นครนายก(ถนนเลียบคลอง3) ธัญบุรี Tel.02-9908886,085-8000881 www.hybridenergy.net
|
|
|
|