กบง.มีมติ ชะลอขึ้น NGV-LPG-เบนซิน นาน 3 เดือน ตั้งแต่ 16 พ.ค.-16 ส.ค. 55 หวังลดค่าครองชีพประชาชน
ด้าน กกพ.เตรียมถกค่าเอฟทีอีกครั้ง 10 พ.ค. นี้ หลังขึ้นค่าไฟงวดใหม่ 30สต. กระทบผู้บริโภคหนัก
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร
นโยบายพลังงาน หรือ กบง. วันนี้ (8 พ.ค.) ได้หารือเรื่องราคาพลังงาน เพราะนโยบายรัฐบาลมีความเป็นห่วงผลกระทบสินค้าแพง ซึ่งมักจะเกิดจากความรู้สึกที่ว่าเกิดจาก
ราคาพลังงานที่แพงขึ้น ดังนั้น กบง. จึงมีมติชะลอปรับโครงสร้างราคาพลังงานรอบที่ 5 ในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ โดยชะลอไป 3 เดือน ทั้งการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาค
ขนส่ง เอ็นจีวี และการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันสำหรับเบนซิน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องนำไปทบทวนในมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. และ
ครม.ก่อน ในขณะเดียวกันในวันนี้ ได้เชิญคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. มาหารือ เรื่องค่าไฟฟ้าเอฟทีที่จะปรับขึ้นงวดใหม่ 30 สต.ต่อหน่วย เพราะ
หน้าร้อนคนใช้ไฟฟ้ากันมาก หากเก็บเอฟทีสูง ประชาชนก็จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่ม ซึ่ง ทาง กกพ. จะมีการประชุมกันวันพฤหัสบดีนี้ (10 พ.ค.) เพื่อหาทางช่วยเหลือประชาชน
“กพช. คงต้องประชุมโดยเร็วและเสนอ เข้า ครม. ในวันที่ 15 พ.ค. เพื่อทบทวนก่อนถึงวันที่ 16 พ.ค.นี้ โดยที่ผ่านมา ก๊าซหุงต้มครัวเรือนไม่ได้ปรับราคาแต่อย่างใด
แอลพีจียานยนต์ก็ขึ้นเล็กน้อย เอ็นจีวีสำหรับรถสาธารณะก็ไม่ได้ปรับขึ้นเพราะมีส่วนลด 2 บาท/กก. ราคาดีเซลก็ไม่ได้ขึ้นถึง 33 บาทต่อลิตร และตอนนี้ลดลงเหลือ
ไม่ถึง 31 บาทต่อลิตร ซึ่งหากดูทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ไสยศาสตร์ ไม่ใช่ความรู้สึก ต้นทุนพลังงานไม่ได้มีผลต่อราคาสินค้ามากนัก มีต้นทุนปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย
” นายอารักษ์ กล่าว
นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า เหตุผลของการชะลอปรับราคาพลังงานในครั้งนี้ นอกจากเรื่องการลดค่าครองชีพแล้ว ยังมาจากการศึกษาต้นทุนของ
เอ็นจีวียังไม่แล้วเสร็จ เพราะมีข้อถกเถียงกันมาก และหากพิจารณาเงินกองทุนน้ำมันในขณะนี้ เริ่มเข้ามาเป็นบวก เพิ่มขึ้นวันละ 32 ล้านบาท หรือ 997 ล้านบาท
ต่อเดือน จากที่ก่อนหน้านี้ไหลออกมาโดยตลอด ซึ่งเป็นผลจากราคาแอลพีจีตลาดโลกเริ่มปรับลดลงจาก 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เหลือ 844 ดอลลาร์ต่อตัน
และการปราบปรามการลักลอบส่งออก และการใช้ผิดประเภทเริ่มได้ผล ประกอบกับเงินกองทุนที่เก็บเพิ่มจากเบนซิน 4 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 2 บาทต่อลิตร
ทำให้กองทุนมีฐานะที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ยังคงมีหนี้รวม 23,000 ล้านบาท และแม้ว่าจะชะลอปรับโครงสร้างพลังงาน 3 เดือน แต่ก็เชื่อมั่นว่า ภาระเงินกองทุน
ที่ต้องกู้มาอุดหนุนราคาพลังงานโดยรวมจะไม่เกิน คาดหมายเดิมที่ 30,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ กบง. ได้มอบหมายให้ กรมธุรกิจพลังงานไปปรับปรุงกฎหมายเอาโทษ
ผู้กระทำผิดในการลักลอบส่งออกแอลพีจีมากยิ่งขึ้นรวมทั้งกรณีใช้ผิดประเภท และ กบง. ยังเห็นชอบอนุมัติเงินจากกองทุนน้ำมันฯ ให้กรมธุรกิจพลังงาน
เพื่อดำเนินงานโครงการป้องกันและปราบปรามการลักลอบจำหน่ายก๊าซ LPG ข้ามสาขาและการลักลอบส่งออกก๊าซ LPG ไปยังประเทศเพื่อนบ้านในวงเงิน 13.584 ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินการ 7 เดือน
ทั้งนี้ การที่ไม่ปรับโครงสร้างพลังงานรอบที่ 5 อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 จะคงอยู่ที่ 4 บาท/ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 2.20 บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 0.60 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลคงอยู่ที่ 0.60 บาท/ลิตร ราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ 10.50 บาท/กก.
และให้คงอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับก๊าซ LPG ที่จำหน่ายให้ภาคขนส่งในอัตรา 2.80 บาท/กก. ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 3 เดือน ด้าน
นายดิเรก ลาวัลย์ศิริ ประธาน กกพ. กล่าวว่า จากการรับฟังความเห็นเรื่องค่าเอฟทีแพงขึ้น 30 สต.ต่อหน่วย ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 60 ไม่เห็นด้วย ดังนั้น จึงมีความเป็น
ไปได้ที่จะลดค่าเอฟทีลง ส่วนค่าไฟฟรีที่ลดลงจาก 90 หน่วยเหลือ 50 หน่วย ประชาชนไม่ค่อยให้ความสนใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก
ที่มา : ข่าวเศรษกิจ นสพ. ไทยรัฐ 8 พ.ค.55