ข่าวนี้น่าจะเป็นข่าวดีของคนใช้แก๊สครับ
ชงรัฐเลิกอุ้มแอลพีจีสิ้น ส.ค.นี้ แนะตรึงครัวเรือน - ขนส่งหนุนแยก 2 ราคา ชงรัฐเลิกมาตรการอุ้มราคาแอลพีจีจะครบ ส.ค.นี้ หนุนแนวคิดการแยกเป็น 2 ราคาด้วยการปรับราคาขึ้นในภาคอุตสาหกรรม ตรึงภาคครัวเรือนและขนส่ง หวังนำเงินที่ไหลเข้ากองทุนฯ เพิ่มขึ้นมาดูแลดีเซลช่วงปลายปีส่อเค้าทะลุ 30 บาทต่อลิตร หลังคลังปฏิเสธลดภาษีสรรพสามิต
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า
มาตรการตรึงราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ที่จะครบกำหนดสิ้นเดือนสิงหาคมนี้รัฐบาลควรแยกราคาแอลพีจีออกเป็น 2 ราคาโดยตรึงราคาขนส่งและครัวเรือนแล้วปรับราคาเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีฐานะเป็นบวกเพิ่มขึ้น และรัฐบาลสามารถนำ เงินดังกล่าวมาดูแลราคาดีเซลไม่ให้เกินระดับ 30 บาทต่อลิตรได้หลังจากที่กระทรวงการคลังปฏิเสธที่จะลดภาษีสรรพสามิตเพื่อนำมา ดูแล
“การนำเข้าแอลพีจีเฉลี่ยเดือนละแสนตันต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าส่วน ใหญ่นำมาป้อนกับภาคอุตสาหกรรมทั่วไปและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เมื่อรัฐบาลยกเลิกตรึงราคาส่วนนี้การนำเข้าแอลพีจีก็ลดต่ำลงภาระกองทุนฯ ก็จะน้อยตามไปด้วย” นายมนูญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแนวทางการลดผลกระทบราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรนั้นนอกเหนือจากการบริหารจัดการจากกองทุนน้ำมันและการลดภาษีสรรพ สามิตแล้วก็แทบไม่มีมาตรการใดๆ มาดูแลได้ ซึ่งการบริหารกองทุนน้ำมันฯ อาจใช้วิธีการเรียกเก็บเงินจากกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นแต่วิธีนี้ไม่เป็นธรรม ต่อผู้ใช้เบนซินเพราะส่วนใหญ่ก็โดนจัดเก็บที่สูงเพื่อพยุงราคาแอลพีจีอยู่ แล้ว
ทั้งนี้จากการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุดเริ่มมีการปรับ ลดลงต่อเนื่องเฉลี่ย 1-2 สัปดาห์ลดลงแล้ว 10 เหรียญต่อบาร์เรล สัปดาห์นี้ราคาขายปลีกน้ำมันในไทยจึงไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและหากลดลงอีก มีโอกาสที่จะปรับลดราคามากกว่าปรับขึ้น แต่ระยะยาวโอกาสที่ดีเซลจะทะลุ 30 บาทต่อลิตรยังมีสูง โดยเฉพาะช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวหรือปลายปี
กระทรวงพลังงานควรจะประกาศยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 เพื่อที่จะส่งเสริมการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์อี 20 เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณรถยนต์ใหม่ที่ใช้อี 20 จำนวนมากแต่ปริมาณปั๊มยังต่ำโดยบริษัทน้ำมันต่างชาติยังไม่สนใจที่จะจำหน่าย แต่อย่างใด และควรจะมุ่งเน้นทำประชาสัมพันธ์อี 20 ให้จริงจังแทนที่จะไปเน้นการทำประชาสัมพันธ์แก๊สโซฮอล์อี 85 ที่ยังมีปริมาณรถยนต์ค่อนข้างต่ำเช่นปัจจุบัน
“ปตท.เองเลือกที่จะไปขายบี 5 แทนที่จะขยายปั๊มอี 20 เนื่องจากเห็นว่าบี 5 ขายดีกว่า ดังนั้นรัฐน่าจะยกเลิกเบนซิน 91 ได้แล้วเพื่อนำหัวจ่ายนั้นมาเพิ่มขายแก๊สโซฮอล์ เพราะปริมาณเอทานอลนั้นมีมากพออยู่แล้วไม่ได้มีปัญหาเหมือนบี 100” นายมนูญ กล่าว
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า ข้อเท็จจริงปริมาณเอทานอลไม่ได้ขาดแคลนรัฐบาลน่าจะยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 ได้แล้วซึ่งทางสมาคมฯ พยายามติดตามนโยบายดังกล่าวอยู่เห็นแต่เป็นนโยบายแต่ยังไม่ได้ปฏิบัติ
นาย สุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พ.พ.) กล่าวว่า การยกเลิกเบนซิน 91 ยังเป็นเพียงแนวคิดที่อยู่ระหว่างการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในความพร้อมของ ทุกระบบโดยเฉพาะรถยนต์ที่จะใช้ซึ่งยอมรับว่ายังมีรถเก่าจำนวนหนึ่งที่ใช้ แก๊สโซฮอล์ไม่ได้
ที่มา บ้านเมืองออนไลน์
www.banmuang.co.th/Economic.asp?id=203789