เนื้อหาบางส่วนคัดมาเฉพาะข้อความที่เกี่ยวข้องกับ ผู้ใช้ NGV และ LPG
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2452 13 ส.ค. - 15 ส.ค. 2552 การที่รัฐบาลประกาศออกมาว่าจะตรึงราคาก๊าซหุงต้ม และก๊าซเอ็นจีวี ออกไปอีก 1 ปี รวมถึงการช่วยเหลือการติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีให้กับแท็กซี่ฟรี ถือเป็นการสมควรหรือไม่ เพราะตัวเลขที่รัฐบาลประกาศออกมาว่าจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯในการตรึงราคา ก๊าซหุงต้มเดือนละประมาณ 740 ล้านบาท จากประมาณการนำเข้าก๊าซหุงต้มในระดับ 80,000-100,000 ตันต่อเดือน นั้นมีส่วนทำให้ราคาน้ำมันไม่สามารถปรับลดลงได้ เพราะแทนที่จะลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้อีก รัฐบาลก็จะมัวกังวลหารายได้เพื่อมาพยุงฐานะกองทุนน้ำมันฯ เพื่อนำเงินไปชดเชยในการตรึงราคาก๊าซหุงต้มแทน
ทั้งที่หลักความเป็นจริง หากรัฐบาลประกาศขึ้นราคาก๊าซหุงต้มตามราคาตลาดโลกขึ้นไป ก็จะส่งผลให้ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มลดลง และไม่ต้องนำเข้ามากมายขนาดนี้
รวมถึงการชดเชยราคาก๊าซเอ็นจีวีอีกเดือนละ 300 ล้านบาท จากเดิมที่บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)(บมจ.) จะเป็นผู้รับภาระส่วนนี้ ก็ต้องให้คนส่วนมากที่ใช้น้ำมันเข้ามารับภาระแทน
หรือกรณีที่การนำเงินจากกองทุนน้ำมันฯจำนวน 1,200 ล้านบาท เพื่อไปให้แท็กซี่ที่ใช้ก๊าซหุงต้มจำนวน 30,000 คันเปลี่ยนมาเป็นก๊าซเอ็นจีวี โดยที่ไม่ต้องเสียค่าติดตั้งใหม่ เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่ใช่นโยบายของรัฐบาลเองหรือ ที่ตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่มีราคาถูก ทำให้รถแท็กซี่ไม่อยากจะหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวี เพราะหาปั๊มเติมลำบาก
อ่านต่อทั้งหมด >>
คลิ๊กที่นี่ แสดงความคิดเห็นกับข่าวนี้ กรุณาใช้คำสุภาพ