นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ได้มีมติตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวีออกไป 1 ปี โดยนำเงินจากกองทุนน้ำมันฯ เข้าไปอุดหนุนประมาณ 300 ล้านบาทต่อเดือนหรือประมาณ 2 บาทต่อกิโลกรัมนั้น เนื่องจากแต่เดิมกพช.ได้มีมติในการปรับราคาเอ็นจีวีของปีนี้ไม่ให้เกิน 12 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบัน 8.50 บาทต่อกิโลกรัม
แต่เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)(บมจ.) ประสบปัญหาขาดทุนจากการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนก่อสร้างสถานีบริการ การจัดซื้อรถบรรทุกก๊าซฯ รวมเป็นเงินประมาณ 17,000 ล้านบาท และขาดทุนจากราคาเนื้อก๊าซที่ไม่สามารถปรับตามต้นทุนได้อีกประมาณ 13,000 ล้านบาท ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้บมจ.ปตท.ไม่ลงทุนก่อสร้างขยายปั๊มเอ็นจีวีเพิ่มเติม
ประกอบกับต้องการให้แท็กซี่ที่มีอยู่อีกประมาณ 30,000 คัน หันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นจะต้องก่อสร้างปั๊มเอ็นจีวีเพิ่มเติมขึ้นมารองรับ หากไม่นำเงินมาอุดหนุน เพื่อให้บมจ.ปตท.ทำการขยายสถานีบริการก็จะทำให้ประสบปัญหาตามมาภายหลังได้ ที่สำคัญจากมาตรการตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวีออกไป 1 ปีนี้ จะช่วยให้ประชาชนเกิดความมั่นใจและหันมาติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นจากที่ เป็นอยู่ในปัจจุบันได้
คัดเนื้อหาข่าวเฉพาะบางส่วน อ่านต่อทั้งหมด >
คลิ๊กที่นี่จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2452 13 ส.ค. - 15 ส.ค. 2552
แสดงความคิดเห็นกับข่าวนี้ กรุณาใช้คำสุภาพ