รถยนต์หนีน้ำมันแพง แห่ติดก๊าซ NGV เพิ่ม LPG นำเข้าพุ่ง 200% ยอดการใช้ก๊าซในรถยนต์เริ่มโตวันโตคืน หลังราคาน้ำมันปรับตัวเหนือ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล คนแห่ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีเพิ่ม ขณะที่ยอดนำเข้าแอลพีจีพุ่งกว่า 2 เท่าตัว เมื่อเทียบกับต้นปี ป้อนภาคขนส่งและปิโตรเคมีฟื้นตัว ด้านอู่รับติดตั้งก๊าซใจชื้นทันตาเห็น
นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
โดยปัจจุบันน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับราคาอยู่ที่ 61.27 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล จากเดิมที่ลงไปอยู่ในระดับต่ำสุด 33 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เริ่มส่งสัญญาณให้ผู้บริโภคหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นแล้ว
เห็นได้จากยอดการติดตั้งเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 70-80 คันต่อวัน เมื่อเทียบกับต้นปีที่ราคาน้ำมันลงไปต่ำมาก ยอดการติดตั้งแทบจะไม่มีเลยในขณะที่ปริมาณการใช้ก๊าซเอ็นจีวีอยู่ที่ประมาณ 3,400 ตันต่อวัน เทียบกับเมื่อสิ้นปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 2,900 ตันต่อวัน โดยเหตุผลหนึ่งน่าจะมาจากจำนวนรถยนต์ที่ติดตั้งเพิ่มขึ้นถึง 143,000 คัน จากเมื่อสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 128,000 คัน
อย่างไรก็ดี ภาพของการใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นเหมือนกับปีที่แล้วหรือไม่นั้น คงต้องรอดูว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงไปกว่านี้หรือไม่ เพราะหากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเหนือ 30 บาทต่อลิตร เบนซินใกล้ระดับ 40 บาทต่อลิตร คิดว่าประชาชนจะหันมาติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งหากความต้องการใช้ก๊าซเอ็นจีวีกลับมาจริง คิดว่าในปีนี้คงไม่มีปัญหาในเรื่องการขาดแคลน เพราะการจัดหาก๊าซเอ็นจีวีปัจจุบันมีเกือบ 5,000 ตันต่อวัน ขณะที่จำนวนสถานีบริการก็มีมากถึง 320 แห่ง และสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 400 แห่ง
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไป ที่จะตอบได้ว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลต่อยอดการใช้ก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น ต้องรอดูความชัดเจนของยอดการใช้จริงในเดือนมิถุนายนนี้เสียก่อน แต่ในส่วนของการใช้ก๊าซแอลพีจีนั้น ยอมรับว่ามี แนวโน้มการนำเข้าในปริมาณที่สูงขึ้นทุกเดือน ในปริมาณ 66,000 ตันต่อเดือน โดยมีปัจจัยหลังมาจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกลับมาฟื้นตัว จนทำให้มีการนำแอลพีจีเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตมากขึ้นตาม
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2552 การนำเข้าแอลพีจีอยู่ในระดับต่ำ เดือนมกราคมอยู่ที่ 20,000 ตันต่อเดือนขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ ไม่มีการนำเข้า ,เดือนมีนาคม นำเข้า 17,000 ตันต่อเดือน ,เดือนเมษายน นำเข้า 14,000 ตันต่อเดือน และในเดือนพฤษภาคม นำเข้าถึง 60,000 ตันต่อเดือน เนื่องจากขณะนั้นอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังมีสต๊อกเก่าเหลืออยู่ จึงลดกำลังการผลิตลง แต่เมื่อระบายสต๊อกได้แล้ว ทำให้กำลังการผลิตใหม่เข้ามา จึงจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจากแอลพีจีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ต้องนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จะมีผลต่อการใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่ายอดการใช้แอลพีจีภาคขนส่งจะเพิ่มขึ้นอย่างไร เนื่องจากต้องรอตัวเลขยอดการใช้ในเดือนพฤษภาคมออกมาก่อน ถึงจะทราบได้ว่าราคาน้ำมันมีผลต่อยอดการใช้ก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้นหรือไม่
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปดูปริมาณการใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือน ภาคขนส่ง และอุตสาหกรรม ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมายังอยู่ในระดับทรงตัวโดยภาคครัวเรือนมีสัดส่วน การใช้อยู่ที่ 46.8% ภาคขนส่ง 15% อุตสาหกรรม 10.4% โดยยอดใช้เติบโตมากอยู่ที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมี 28% จากยอดการใช้โดยรวมของประเทศอยู่ที่ 366,900 ตันต่อเดือน
ด้านแหล่งข่าวจากบมจ. ปตท. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 91 ที่ปรับตัวจาก 21.39 บาทต่อลิตร เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา มาอยู่ที่ระดับ 31.54 บาทต่อลิตร เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 ทำให้ผู้ใช้รถยนต์หันกลับมาใช้ก๊าซแอลพีจีเพิ่มมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากยอดการส่งก๊าซแอลพีจีจากคลังบ้านโรงโป๊ะ จังหวัดชลบุรี ให้ภาคขนส่งไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันจากปีก่อน จากปกติที่จะจัดส่งประมาณ 70,000 ตันต่อเดือนเพิ่มเป็น 77,000 ตันต่อเดือน จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงในขณะนี้มีผลต่อยอดการใช้ก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้น
สอดคล้องกับ นายจิตติ นิรัติศัย โฆษกสมาคมติดตั้งแก๊สไทย และกรรมการผู้จัดการบริษัท แก๊สไดเร็คเตอร์ จำกัด (บจก.) ที่กล่าวว่า เริ่มเห็นแนวโน้มว่ามีผู้สนใจติดตั้งก๊าซเพิ่มขึ้น โดยบางอู่มีลูกค้ามาติดตั้งก๊าซสูงสุดประมาณ 10-20 คันต่อเดือน จากเดือนมกราคม - เมษายน ที่ผ่านมาประมาณ 5-6 คันต่ออู่ต่อเดือน หรือบางอู่ไม่มีลูกค้าเลย ต้องปิดกิจการหรือชะลอการขยายงานไปกว่า 1,000 อู่
"ประเมินว่าถ้าราคาน้ำมันเบนซิน 91 ขยับขึ้นเป็น 30-35 บาทต่อลิตร ผู้บริโภคจะกลับมาติดตั้งก๊าซกันอย่างคึกคักอย่างแน่นอน"
เช่นเดียวกับนายสรรค์กุล วชิระหิรัณย์ ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก๊าซ มาเนีย (หจก.) ผู้ให้บริการติดตั้งก๊าซรถยนต์ทั้งแอลพีจีและเอ็นจีวี ย่านถนนเพชรเกษม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเห็นลูกค้ากลับมาติดตั้งก๊าซแอลพีจีเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกวัน ส่วนการติดตั้งถังก๊าซเอ็นจีวีนั้นยังไม่มีลูกค้า เนื่องจากราคาสูงกว่าและมีข้อจำกัดในการใช้งานมากกว่า
โดยราคาในการติดตั้งก๊าซแอลพีจีอยู่ที่ 27,000-28,000 บาทต่อคัน (เครื่องยนต์ 4 สูบ) จากปีที่แล้วราคา 35,000 บาทต่อคัน ส่วนอุปกรณ์ในการติดตั้งก็เริ่มขยับราคาขึ้นแล้ว แต่จะยังไม่ซื้อเข้ามาสต๊อกโดยจะขอดูแนวโน้มอีก 1 เดือน หากราคาน้ำมันในตลาดโลกขึ้นไปแตะที่ระดับ 70-80 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ค่อยพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นนั้น น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกมาย้ำว่า จะขยายเวลาการเรียกเก็บเงินคืนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เข้าไปอุดหนุนราคา ขายปลีกน้ำมันจากการปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันขึ้นไป 2 บาทต่อลิตร ออกไปเป็นระยะเวลา 4 เดือน จากเดิมที่กำหนดเพียง 1 เดือน ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกหน้าปั๊มไม่ปรับขึ้นไปตามภาษีสรรพสามิต แต่ราคาขายปลีกที่ปรับขึ้นจะเป็นไปตามต้นทุนที่สะท้อนจากราคาตลาดโลก
โดยล่าสุด(26 พ.ค.) น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ราคาขายปลีกอยู่ที่ 39.14 บาทต่อลิตร เบนซิน ออกเทน 91 อยู่ที่ 31.54 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 27.74 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 26.94 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี 20 อยู่ที่ 25.44 บาทต่อลิตร ดีเซล อยู่ที่ 24.59 บาทต่อลิตร และดีเซลบี 5 อยู่ที่ 21.59 บาทต่อลิตร
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2430 28 พ.ค. - 30 พ.ค. 2552![](http://www.thannews.th.com/images/body/secHead/HEAD-THA.gif)