รถยนต์ FFV รถที่สามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ได้ผศ. ดร. จำนง สรพิพัฒน์
ประธานสายวิชาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
เมื่อไม่กี่วันมานี้รัฐบาลได้มีมติอย่างชัดเจนว่าจะส่งเสริมให้มีการใช้เอ ธานอลสูงขึ้นจากเดิม โดยการเติมเอธานอลลงในน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 85% หรือที่เรียกว่าแก๊สโซฮอล E85 คำถามแรกที่ประชาชนอาจสงสัยคือ รถรุ่นไหนชนิดใดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในประเทศไทยสามารถใช้กับเชื้อเพลิงแก๊ส โซฮอล E85ได้ คำตอบคือไม่มีรถรุ่นไหนเลย สาเหตุเพราะ การใช้เอธานอลหรือแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นระดับนี้นั้น ชิ้นส่วนต่างๆของระบบเชื้อเพลิงของรถยนต์ที่มีการสัมผัสกับเชื้อเพลิงโดยตรง ตั้งแต่ถังเชื้อเพลิงไปจนถึงท่อไอเสียล้วนแล้วแต่ไม่สามารถทนการกัดกร่อนของเอธานอลได้ทั้งสิ้น นอกจากจะมีการผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์ด้วยวัสดุพิเศษที่สามารถทนทานต่อการกัด กร่อนของเชื้อเพลิงชนิดนี้ได้ ฉะนั้น เมื่อมีการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล E85 ก็จำเป็นต้องมีการออกแบบและผลิตรถยนต์ชนิดพิเศษที่สามารถใช้กับเชื้อเพลิง ชนิดนี้ได้ด้วย รถชนิดนี้เรียกว่ารถFlex Fuel Vehicle หรือเรียกกันสั้นๆว่ารถ FFV
รถยนต์ FFV คือ รถที่สามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 (เอทานอล 85% ผสมกับน้ำมันเบนซิน 15%) หรือ M85 (เมทานอล 85% ผสมกับน้ำมันเบนซิน 15%) และยังสามารถใช้ได้กับน้ำมันเบนซินบริสุทธิ์ได้อีกด้วยจึงเรียกว่า Flexible Fuel Vehicle ปัจจุบันมีรถยนต์ระบบ FFVกว่า 22 รุ่น จำนวนมากกว่า 4 ล้านคันทั่วสหรัฐอเมริกา และกว่า 3 ล้านคันในบราซิล
หลักการทำงานของรถยนต์ FFV เป็นดังนี้ รถยนต์จะมีระบบเชื้อเพลิงสองระบบ พูดง่ายๆคือมีถังเชื้อเพลิงสองถัง ถังแรกเป็นถังบรรจุเชื้อเพลิงเอธานอลบริสุทธิ์ ส่วนอีกถังหนึ่งบรรจุน้ำมันเบนซินล้วนๆ ถังเชื้อเพลิงทั้งสองชนิดจะมีท่อส่งเชื้อเพลิงแยกจากกัน เชื้อเพลิงทั้งสองชนิดจะนำมาผสมกันก่อนที่จะส่งเข้าหัวฉีด ซึ่งจะผสมกับอากาศเป็นไอดีก่อนจุดระเบิดเหมือนเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป สัดส่วนของเชื้อเพลิงทั้งสองชนิดที่ผสมกัน จะถูกควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้ใช้สามารถจะกำหนดให้เป็นสัดส่วนเท่าใดก็ได้ตามความประสงค์ ตั้งแต่เอธานอล 0% นั่นคือใช้น้ำมันเบนซินล้วนๆ ไปจนกระทั่งใช้เอธานอล 85% ซึ่งเป็นอัตราผสมสูงสุดของเอธานอลที่สามารถตั้งค่าได้ การที่รถยนต์ FFV สามารถปรับเปลี่ยนอัตราผสมได้ทำให้เครื่องยนต์ของรถยนต์ประเภทนี้มีความ คล่องตัวอยู่ เนื่องจากผู้ใช้รถยนต์สามารถจะเลือกใช้เชื้อเพลิงชนิดไหนมากน้อยเท่าใดก็ได้ ตามใจชอบขึ้นกับว่าราคาของเชื้อเพลิงชนิดไหน ช่วงไหนหรือถูกแพงกว่ากัน โดยภาพรวมรถยนต์ FFV มีข้อดีดังต่อไปนี้
1. สมารรถลดการใช้น้ำมันปิโตรเลียมในภาพรวมลงได้ โดยการหันมาใช้เอธานอล หรือเมธานอลแทน ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกอีกรูปแบบหนึ่ง
2. หากต้องการดัดแปลงเครื่องยนต์ธรรมดาให้เป็นเครื่องยนต์ FFV ต้องลงทุนเพิ่มแต่ไม่สูงมากจนเกินไป
3. มลพิษที่เกิดขึ้นมีค่าต่ำมาก
4. มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานโดยรวมต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเบนซินล้วนๆ
5. มีความยืดหยุ่นในการใช้เชื้อเพลิงสูง คือยังสามารถใช้กับน้ำมันเบนซินได้ โดยติดตั้งอุปกรณ์ ซึงมีราคาไม่แพงจนเกินไป
6. เชื้อเพลิงน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 มีราคาต่ำกว่าน้ำมันเบนซินหลายบาท
แม้ว่าการส่งเสริมเชื้อเพลิงแกสโซฮอล์ E85 และรถยนต์ FFV จะมีข้อดีหลายประการ แต่การส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิง E85 ให้ประสบผลสำเร็จ ยังมีอุปสรรคหลายประการที่ภาครัฐจะต้องคำนึงถึงและแก้ไขเพื่อเอาชนะได้แก่
ประการแรก รัฐบาลต้องมั่นใจว่าหากมีการใช้เชื่อเพลิงเอธานอลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตาม ลำดับในระยะยาว จะต้องแน่ใจว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะผลิตเอธานอลจากอ้อยและ สำปะหลังได้อย่างเพียงพอ โดยไม่กระทบต่อการแย่งชิงวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตเป็นอาหาร จากประสบการณ์ในอดีตของประเทศบราซิล รัฐบาลบราซิลเคยประสบปัญหาถึงขนาดไม่มีเอธานอลพอจำหน่ายเมื่อราคาน้ำตาลใน ตลาดโลกสูงมาก ในทางกลับกันราคาเอธานอลกลับเหลือมากมายเกินกว่าผู้ผลิตจะรับซื้อเก็บไว้ได้ เมื่อน้ำมันเบนซินในตลาดโลกมีราคาถูกกว่าราคาเอธานอลเป็นอย่างมาก
ประการทีสอง รัฐบาลจะต้องมีการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการตั้งสถานีจำหน่ายเอธานอลบริสุ ทธิ์อย่างเพียงพอสำหรับรถ FFV เพราะหากมีการนำเข้ารถFFV แต่ไม่มีปั้มเติมเอธานอลในระยะยาวคงไม่มีผู้บริโภคคนไหนยอมจ่ายเงินเพื่อ ซื้อรถยนต์ชนิดนี้แน่ เพราะต้องจ่ายเงินซื้อรถที่ราคาสูงขึ้นกว่าเดิม แต่กลับไม่มีเอธานอลให้เติมทำให้ต้องไปเติมน้ำมันเบนซินเหมือนเดิมตลอดเวลา ซึ่งเป็นการลงทุนโดยไร้ประโยชน์
ประการสุดท้าย รัฐบาลจะต้องมีการร่วมมือกับบริษัทผู้นำเข้ารถยนต์FFV เพื่อให้แน่ใจว่ามีช่างเทคนิคบริการที่มีความชำนาญเพียงพอในการให้การดูแล บำรุงรักษา และแก้ไขปัญหารถยนต์FFVได้ เมื่อเครื่องยนต์มีปัญหา
หมายเหตุ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ได้รับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน บทความนี้ เป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วิชาการ.คอม
http://www.vcharkarn.com/varticle/37588