admin
|
|
« เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2008, 09:38:46 PM » |
|
ปตท.กังขาเบรกขึ้นNGVทำไม!:ยันต้องปรับตามต้นทุนจริง หวั่นรัฐชดเชยไม่รู้จบ
ปตท.ยังกังขารัฐเบรกขึ้นราคาเอ็นจีวี "ประเสริฐ"แนะควรปล่อยตามต้นทุนจริง หวั่นเกิดปัญหาชดเชยภายหลัง ยันปีหน้าขึ้นไม่ถึง 12 บาทต่อกิโลกรัม เดินหน้าขยายปั๊มทั่วประเทศ "วรรณรัตน์"ยันขยับราคาแอลพีจีรอเสนอเข้ากพช.วันที่ 13 พ.ย.นี้
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงพลังงานอาจไม่พิจารณาปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี) ตนมองว่ารัฐควรปล่อยให้เป็นตามตามต้นทุนที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเอ็นจีวีหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ควรจะสะท้อนต้นทุนจริง เพราะหากไม่ปรับแล้วอาจเกิดปัญหาเรื่องการชดเชยภายหลัง
ทั้งนี้การปรับโครงสร้างแอลพีจีทางคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) จะมีการพิจารณาในวันที่ 13 พ.ย.นี้ ส่วนเอ็นจีวีนั้น การปรับขึ้นราคาจะเป็นไปตามเกณฑ์ที่เคยประกาศไว้ คือขึ้นในอัตราไม่เกินครึ่งหนึ่งของราคาน้ำมันดีเซล ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันดีเซลลดลง ล่าสุดดีเซลอยู่ที่ประมาณ 22.84 บาทต่อลิตร การปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีก็อาจจะไม่ถึง 12 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าด้านการก่อสร้างท่อเอ็นจีวี 3 เส้น มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) นอกจากนี้นี้ยังศึกษาด้านการลงทุนด้วย เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินโครงการก่อสร้างท่อเอ็นจีวีพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียง เหนือ และพื้นที่ภาคเหนือก่อน ส่วนภาคใต้ยังต้องศึกษาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเงินลงทุนคาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง
"ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปตท.ได้ดำเนินการขยายกำลังการผลิตสถานีแม่และก่อสร้างสถานีแนวท่อเอ็น จีวีเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน ปตท.มียอดจำหน่ายเอ็นจีวีอยู่ที่ 2,780 ตันต่อวัน และเพิ่มเป็น 5,400 ตันต่อวัน ภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุดได้เปิดสถานีเอ็นจีวีหลังกัลปพฤกษ์ มีกำลังการผลิต 70 ตันต่อวัน มีรถขนส่งก๊าซ 30 คัน จะจัดส่งไปยังสถานีในเขตปริมณฑล ขณะนี้ ปตท.เปิดสถานีเอ็นจีวีแล้ว 254 แห่ง สิ้นปีเป็น 300 แห่ง"นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับศูนย์ปฏิบัติการระบบท่อส่งก๊าซเขต 6 ซึ่งอยู่ภายในบริเวณเดียวกับสถานีกัลปพฤกษ์ เป็นศูนย์ควบคุมในเขตเมือง โดยควบคุมการรับ-ส่งก๊าซในเขตชุมชนเมืองและปริมณฑล รวมถึงเครือข่าย City Gas ทั้ง 7 โครงการของ ปตท. รวมระยะทาง 170 กิโลเมตร คือโครงการท่อส่งก๊าซไทรน้อย-โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ/ใต้ ,ท่อส่งก๊าซไปยังกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม จ.สมุทรปราการ ,ท่อส่งก๊าซไปยังปั๊มเอ็นจีวีและสถานีขนส่งสายใต้ ,ท่อส่งก๊าซสุวรรณภูมิ-พญาไท ,ท่อส่งก๊าซตามแนวถนนเอกมัย-พระราม 2 ,ท่อส่งก๊าซศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะและศูนย์พลังงานแห่งชาติ ปทุมธานี-พญาไท และท่อส่งก๊าซไปยังโรงกลั่นน้ำมันบางจาก
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าแผนการซื้อหุ้นบริษัทและบริษัทในเครือคืน ปัจจุบันยังศึกษาอยู่ แต่ในส่วนของบริษัทเบื้องต้นได้ซื้อผ่านกองทุนรวมไปบ้างแล้ว ส่วนบริษัทลูกที่สัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท.ใกล้ถึง 50% แล้ว บริษัทลูกดังกล่าวก็คงพิจารณาซื้อหุ้นคืนเอง
ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลงอีกโดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเบนซินวัน โดยวันนี้(11 พ.ย.) ปตท.และผู้ค้าทุกรายลดราคากลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ยกเว้นอี 85
ลงอีก 80 สตางค์ต่อลิตร ส่วนของดีเซลในช่วงนี้ราคาตลาดโลกยังอยู่ในเกณฑ์ผันผวนและอยู่ในเกณฑ์สูง เนื่องจากยังมีความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาว แต่หากค่าการตลาดสามารถปรับลดลงได้ก็จะลดลงเช่นเดียวกัน
ดังนั้นหลังจากปรับลดราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินทำให้ราคาน้ำมันในเขตกรุงเทพและ ปริมณฑลวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 21.09 บาทต่อลิตร ,แก๊สโซฮอล์อี20 ราคา 19.79 บาทต่อลิตร ,เบนซิน 91 ราคา 26.19 บาทต่อลิตร ,แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา
20.29 บาทต่อลิตร ,ดีเซล 22.84 บาทต่อลิตร และไบโอดีเซลบี5 ราคา 21.84 บาทต่อลิตร
ด้านน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สถานีหลักและศูนย์ปฏิบัติการกัลปพฤกษ์ เป็นการดำเนินการตามแผนที่จะส่งเสริมให้มีก๊าซธรรมชาติใช้ครอบคลุมทุก พื้นที่ สร้างประสิทธิภาพด้านพลังานและเศรษฐกิจโดยรวม โดยในส่วนของเอ็นจีวีนั้น แม้ในปัจจุบันการติดตั้งจะชะลอตัวบ้าง แต่เชื่อมั่นว่าระยะยาวการใช้เอ็นจีวี จะยังคงขยายตามแผน
โดยเชื่อว่าภายใน 15 ปีข้างหน้า ยอดใช้เอ็นจีวีจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 10 เท่าตัว หรือมีความต้องการใช้ 28,000 ตันต่อวัน เทียบกับปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2,800 ตันต่อวัน สามารถลดการนำเข้าน้ำมันปีละ 122,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้ผู้ใช้เอ็นจีวี ประหยัดเงินได้ประมาณ 168,000 ล้านบาทต่อปี รวมวงเงินที่จะประหยัดได้ 300,000 ล้านบาทต่อปี
ขณะเดียวกันยังสามารถช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงสะอาดได้ประมาณ 42 ล้านตันต่อปี และสามารถขายคาร์บอนเครดิตให้ระบบตลาดโลกได้อีกประมาณ 14,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นกระทรวงพลังงานและ ปตท.จะเร่งส่งเสริมตามแผนอย่างต่อเนื่อง
นสพ.ข่าวหุ้น วันที่ 11 พ.ย. 2551
|