เทคนิคการจูนหัวฉีด Autronic Mistral II ให้เนียนๆ แบบเข้าใจง่ายๆ (โดย SNPI)
|
เมื่อ: กันยายน 16, 2008, 09:42:50 AM
|
SNPI Tuning
Autronic Gas Tuner
Hero Member
ออฟไลน์
กระทู้: 836
Autronic Gas Tunner
|
|
« เมื่อ: กันยายน 16, 2008, 09:42:50 AM » |
|
เทคนิคการจูนหัวฉีด Autronic Mistral II ให้เนียนๆ แบบเข้าใจง่ายๆ (โดย SNPI)
Objective จูนแก๊สให้ได้ใกล้เคียงน้ำมัน 90% พอครับ ถ้าอยากได้ 99.99% ต้องติดตั้งหัวฉีดแก๊สให้ 1)องศา 2)ระยะ ใกล้หัวฉีดน้ำมันมากที่สุด (ดูรายละเอียดประกอบตาม link นี้ http://www.iwebgas.com/smf/index.php?topic=383.msg822#msg822 นะครับก็จะเข้าใจเอง) โดยจูนแก๊สในหลายๆสภาวะ ทั้งรอบเดินเบา Air หรือ พัดลมไฟฟ้าตัดต่อ เข้าเกียร์เดินหน้า ถอยหลังจังหวะเร่งช้า จังหวะเร่งเร็ว จังหวะถอนคันเร่งทันทีแล้วเร่งทันทีต้องไม่สะดุด Top Speed ต้องใกล้เคียง โดยทำให้ทุกสภาวะ ทุก Load ทุกรอบความเร็ว ต้องจูนให้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด โดยมีหลักการดังนี้ ปรับค่าตัวเลขในตาราง mistral II ทั้งหมด 504 ช่อง (21 X 24) Y-Axis แกนแนวตั้ง คือ ค่าเวลาการฉีดแก๊ส หน่วย ms มีทั้งหมด 21 ค่า X-Axis แกนแนวนอน คือ รอบเครื่องยนต์ หน่วย รอบต่อนาที (RPM) มีทั้งหมด 24 ค่า โดยจูนให้แต่ละช่องนั้น มีค่าเวลาฉีด แก๊ส (Millisecond Gas หรือ ms G) และ เวลาฉีด น้ำมัน (Millisecond Petrol หรือ ms P) เท่ากัน แต่จริงๆแล้วทำได้ไม่ครบทุกช่องหรอก ทำได้ทุกช่วง ก็ OK แล้วครับ
ตำแหน่งต่างๆในตารางจูน ผมประมาณคร่าวๆว่า พื้นที่บนตาราง มี 9 ช่วงใหญ่ๆดังนี้ ช่วงบน (ซ้าย,กลาง,ขวา) อธิบายง่ายๆ คือสภาวะที่ถอนคันเร่งตอนรอบ ต่ำ กลาง สูง เป็นช่วง Close loop ช่วงกลาง (ซ้าย,กลาง,ขวา) อธิบายง่ายๆ คือสภาวะที่เริ่มเร่งหรือเร่งแบบค่อยๆเร่ง ตอนจังหวะรอบ ต่ำ กลาง สูง เป็นช่วง Close loop ช่วงล่าง (ซ้าย,กลาง,ขวา) อธิบายง่ายๆ คือสภาวะที่กดคันเร่งแบบทันทีอย่างรวดเร็วตอน รอบ ต่ำ กลาง สูง ซึ่งเป็นช่วง Open loop
ค่าตัวเลขในตาราง การปรับตัวเลขในตาราง ขออธิบายนิดนะครับ ตามคู่มือบอกไว้ว่าตัวเลขในตารางไม่ได้มีความหมายอะไร เป็นแค่ตัวเลขสมมุติ ที่เอาไว้ปรับให้ ค่าการฉีดแก๊ส มากขึ้น หรือ น้อยลงครับ โดยหลักการ มีดังนี้ ปรับตัวเลขในตารางมากขึ้น ค่า ms แก๊ส (ms G) จะลดลง หรือ แก๊สหนาขึ้น ปรับตัวเลขในตารางน้อยลง ค่า ms แก๊ส (ms G) จะเพิ่มขึ้น หรือ แก๊สบางลง มีข้อสังเกตนิดหนึ่งนะครับ สังเกตดีๆถ้าตัวเลขในตารางนั้นเป็นเลขหลักเดียวต่ำๆ เช่น ตัวเลข 2-4 บอกได้เลยว่าหัวฉีดมีขนาด Over size (ใหญ่เกินไป) หรือไม่ก็แรงดัน VIR สูงเกินไป ยกตัวอย่างเช่น เครื่อง 1500 cc ใส่ JET18 หรือ ไม่ก็ เครื่อง 1500 cc แรงม้าน้อย ใส่ JET15 เวลาทำ auto tune จะได้เลขหลักเดียว เป็นต้น ส่วนถ้า ตัวเลขในตารางถ้าเป็นสองหลักจะจูนได้ละเอียดกว่าครับ แต่ถ้าไม่ซีเรียสอะไรเลขหลักเดียวก็ใช้ได้ แต่อาจจะจูนยากหน่อย ตัวเลขในตารางแม้ว่าเป็นรถรุ่นเดียวกัน ซีซี เท่ากัน แม้ติดร้านเดียวกัน ค่าตัวเลขในตารางยังอาจจะไม่เท่ากันเลยครับ
ปัจจัยมันมีเยอะมากครับ แต่หลักๆ จะมีดังนี้ 1)แรงดัน VIR (ค่าปกติ 0.7barr ปรับที่ก้น VIR ได้ แต่ไม่ควรปรับแรงดัน ถ้าไม่จำเป็นครับ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องหัวฉีด Oversize ก็อย่าไปยุ่งดีกว่าครับ) 2)ขนาด หัวฉีดแก๊ส JET Injector (JET12, JET15, JET18, JET21) 3)ทิศทาง หัวฉีดแก๊ส JET Injector ปกติจะกดลงประมาณ 30-50 องศา (ไม่ควรให้ทิศทาง หัวฉีดแก๊สกระดกขึ้น ตามคู่มือบอกไว้) 4)ระยะจาก หัวฉีดแก๊ส JET Injector ไปจุดที่เจาะ Nozzle ทีท่อไปดี (ปกติไม่เกิน 10 ซม) 5)สภาพความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ (รถเก่า, รถใหม่, ระยะทางที่ใช้) ถ้ามีข้อใดข้อหนึ่งไม่เหมือนกัน ค่าตัวเลขในตาราง ก็ไม่เหมือนกันแล้วครับ เพราะมันจะไปส่งผลกับ Gas Flow และ Gas Pressure ในจังหวะสุดท้ายที่เข้าห้องเผาไหม้ในกระบอกสูบ ในสถานะต่างๆที่พูดถึงครับ
การ Setup ค่า Parameter ต่างๆ และการปรับค่าตัวเลขในตารางสำหรับการทำ Auto และ Manual Tuning 1) Menu MONITOR Tab General เป็นการแสดงสถานะเครื่องยนต์ภาพรวมครับ แสดงการใช้งานรอบเครื่องขณะนั้น อุณหภูมิเครื่องยนต์ อัตราราการฉีดแก๊สหรือน้ำมันแยกแต่ละหัวฉีด สูงสุดได้ 8 ช่อง หรือ 8 หัวฉีด 2) Menu SETUP Tab Switch ปกติแล้วค่าที่จะ set up ส่วนมากก็จะมีแค่ 4 ช่องครับดังนี้ Switch Threshold รอบเครื่องที่ตั้งไว้สำหรับการเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊ส มีค่าระหว่าง 1000 -3500 RPM ค่าปกติ 1750 RPM ถ้าต้องการให้เปลี่ยนแก๊สในรอบสูงขึ้นก็ตั้งที่รอบสูงๆไว้ Switch Direction จังหวะการเปลี่ยนเป็นแก๊สแบบถอน หรือ เร่งคันเร่ง มี 2 ค่า Deceleration Acceleration ถ้า Deceleration เปลี่ยนเป็นแก๊สตอนถอนคันเร่ง Acceleration เปลี่ยนเป็นแก๊สตอนเร่ง Deceleration Threshold ค่าหน่วงเวลาจังหวะการเปลี่ยนเป็นแก๊สแบบถอนคันเร่ง มีค่าระหว่าง 0 – 10 ms เป็นค่าหน่วงเวลา การเปลี่ยนเป็นแก๊สจังหวะถอนคันเร่ง ไม่ให้กระตุก โดยค่ามากจะหน่วงเวลามากกว่าค่าน้อย เช่น ถ้าเราตั้งไว้ที่ 2ms จะเปลี่ยนเป็นแก๊สเร็วกว่า ตั้งไว้ที่ 10ms ครับ menu นี้จะต้อง set ก็ต่อเมื่อเราเลือก Switch Direction เป็น Deceleration นะครับ และโดยปกติจะ set ค่า Deceleration Threshold ให้สูงๆไว้ ในกรณีที่ท่อระหว่าง VIR ไป Gas Injector ยาวมาก ระยะการเดินทางของแก๊สจะนานกว่า ท่อระหว่าง VIR ไป Gas Injector ที่มีความยาวสั่นกว่าครับ เป็นการช่วยให้รอบเครื่องยนต์ไม่กระตุกในช่วง overlap ครับผม Switch Allowed Anyway At อุณหภูมิเครื่องที่ตั้งไว้สำหรับการเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊ส มีค่าระหว่าง 35?C – 70?C ค่าปกติ 50?C ถ้าต้องการให้เปลี่ยนแก๊สเร็วขึ้นตั้งต่ำลง เปลี่ยนแก๊สช้าตั้งสูงขึ้นครับ 3) Menu TUNE เปิด Program Mistral II เข้า menu TUNE จะเห็น Tab ด้านบน 3 แบบ คือ Auto Tuning , Adjust Tuning , Map Adjust Auto Tuning คือการทำจูนอัตโนมัติ โดย Program จะ detect ค่าเวลาการฉีดระหว่างน้ำมันและแก๊ส แบบ กว้างๆไม่ละเอียดมาก ขั้นตอนไม่ยาก กด START ทำตามคำอธิบาย STEP1-5 ตั้งแต่เดินเบา เร่ง 3,000 รอบต่อนาที รอจน Program คำนวณเสร็จ Click OK ก็จบขึ้นตอนนี้ Adjust Tuning คือการทำจูน manual แบบกว้างๆ วิธีปรับเวลาการฉีดแก๊ส (ms G) จะต้องปรับทั้ง Sector โดยกดปุ๋ม + หรือ - ด้านซ้ายบนของตารางจูน Sector1 เฉดสีฟ้า เป็นช่วงรอบเดินเบา Sector2 เฉดสีเหลือง เป็นช่วงเร่งรอบกลางๆ Sector3 เฉดสีแดง เป็นช่วงเร่งรอบสูงๆ Map Adjust คือการทำจูน manual แบบละเอียด วิธีปรับเวลาการฉีดแก๊ส (ms G) สามารถปรับได้ทีละจุด หรือ สามารถ High light เลือกเฉพาะจุดหรือบริเวณที่ต้องการจะปรับได้เอง โดยกดปุ๋ม + หรือ – ด้านล่างซ้าย ของตารางจูน หรือ สามารถปรับทั้งตารางโดยการ กดปุ๋ม TOT + หรือ TOT – ด้านล่างซ้าย ของตารางจูน 4) Menu MISC Tab Load, save and restore หน้าที่หลักๆก็ไม่มีอะไรมาก เอาไว้ Load และ Save ข้อมูลที่ได้ทำจากจูนเอาไว้ครับ หลังจากการจูนเสร็จก็เข้ามาที่นี่แล้วก็ทำการ save กดที่ menu Save ระบุชื่อ File และ Path ที่ต้องการทำการจัดเก็บครับ File จะเป็น A2J Type ส่วนถ้าเราต้องการเอาข้อมูลการจูนเก่าๆที่เราเคยทำการบันทึกไว้มาใช้งานก็ไม่ยากเลย ครับ กดที่ menu Load แล้วก็เลือก File A2J Type ที่เราต้องการใช้งานก็เป็นอันเสร็จพิธี สรุป ก็มีแค่ 4 Menu แค่นี้แหละครับ ที่เราใช้งานบ่อยๆ
ขนาดหัวฉีด JET ข้อมูลคร่าวๆ ของขนาดแรงม้าเทียบกับขนาดหัวฉีดแก๊ส (JET size) แรงม้า (Hp) แรงม้า (kW) ขนาดหัวฉีด (Suggested) ขนาดหัวฉีด (Suitable but not suggested) 80 - 59 - 12 - 09 86 - 63 - 15 - 12 90 - 66 - 15 - 12 95 - 70 - 15 - 12 101 - 74 - 18 - 15/12 105 - 77 - 18 - 15/12 110 - 81 - 18 - 15 116 - 85 - 21 - 18/15 120 - 88 - 21 - 18/15 125 - 92 - 21 - 18/15 131 - 96 - 21 - 18/15 135 - 99 - 21 - 18/15 140 - 103 - 21 - 18 145 - 107 - 21 - 18 148 - 109 - 21 - 18
วิธีการจูนหัวฉีดแก๊ส 1) Auto Tune หลักการ คือ ระบบจะ set ค่าชดเชย แบบกว้างๆ ไว้ ก็ทำตาม หัวข้อใน program ครับ ทำได้ไม่ยาก เริ่มจาก รอบเดินเบาก่อน program จะทำการ check injection trim แบบ คร่าว หลังจากนั้นก็เร่ง 3,000 รอบต่อนาที ระบบก็จะอ่านค่าเวลาการฉีดแบบ กว้างๆไว้ และทำการบันทึกไว้ อย่าลืมว่าตอนทำ auto tune ไม่เนียนเพราะ load จะน้อยกว่าตอนขับใช้งานจริงครับ จึงต้องมีการทำ manual tune เพื่อให้ได้ จุดที่ auto tune ไม่ได้ set ไว้ สรุปง่ายๆ การทำ manual tune ก็คือ การแก้ไขตารางการฉีดให้ละเอียดขึ้น ทุกๆรอบ ทุกๆโหลด เลยครับ
2) Manual Tune Close Loop ก่อนจะจูน รถต้องเข้าเกียร์ว่างจอดเดินเบาอยู่กับที่ การปรับ Mapจะมี 2 แบบคือ ตามรอบ กับ ตาม load
2.1) INCREASE RPM IN STEADY LOAD (ปรับ Map ตามรอบที่เพิ่มแต่ โหลดคงที่) ปรับ Map ไปตามความเร็วรอบ เริ่มจาก 700 1,000 1,200 1,400 1,600 1,800 2,000 2,200 2,400 2,600 2,800 3,000 3,500 4,000 4,500 5,000 5,500 6,000 6,500 7,000 รอบต่อนาที
วิธีปรับ Map ไปตาม รอบเครื่องยนต์ แต่ปิดโหลดทุกอย่าง เริ่มจาก เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 1,000 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 100) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 1,200 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 120) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 1,400 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 140) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 1,600 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 160) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 1,800 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 180) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 1,000 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 200) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 2,200 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 220) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 2,400 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 240) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 2,600 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 260) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 2,800 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 280) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 3,000 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 300) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 3,500 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 350) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 4,000 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 400) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 4,500 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 450) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 5,000 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 500) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 5,500 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 550) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 6,000 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 600) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 6,500 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 650) เลี้ยงคันเร่งให้ได้รอบประมาณ 7,000 รอบต่อนาที คาคันเร่งไว้นิ่งๆ -> (RPM แกน X ประมาณ 700)
วิธีการให้เริ่มจาก ปิด load ทุกอย่างนะครับ แล้วก็เร่งจากรอบต่ำๆ 1,000 คาไว้ให้นิ่งสุดๆ อ่าน ms G และ ms P โดยวิธีกดเปลี่ยนจากปุ่ม switch gas/petrol เองเลย กลับไปกลับมา จำค่า ms G และ ms P ไว้ ถ้า ms G < ms P กด – (Map Adjust) และ ถ้า ms G > ms P กด + (Map Adjust) ทำซ้ำไปมาประมาณ 4-6 ครั้ง จนแน่ใจว่าที่รอบนั้น ค่า ms G = ms P แป๊ะ หรือ ms G น้อยกว่า ms P ไม่เกิน 0.1-0.2 ms ครับ แต่ถ้าได้ค่าเท่ากันได้จะเนียนมากๆ หลังจากทำที่รอบ 1,000 รอบต่อนาที เสร็จแล้ว ก็มาทำที่รอบ 1,200 รอบต่อนาที ต่อไป ขั้นตอนเหมือนกัน ทำจนถึงรอบ 5,000 รอบต่อนาทีก็พอ แต่สำหรับคนเท้าหนักอัด Redline บ่อยๆอยากจะจูนจนถึงรอบ 7,000 รอบต่อนาที ก็ไม่ว่ากันครับ จะได้ประมาณ 16 ค่า (เร่งแค่ 5,000 RPM) และ 20 ค่า (เร่งถึง 7,000 RPM) ก็แล้วแต่ว่าเร่งได้รอบสูงแค่ไหน แต่จะได้ map แค่ แถวเดียวนะครับ ที่ ไม่มี load แนวนอนแกน X-Axis
2.2) INCREASE LOAD IN STEADY IDLE (ปรับ Map ตามโหลดที่เพิ่มแต่ รอบเดินเบาคงที่) ปรับ Map ไปตาม โหลดที่เพิ่มขึ้น เริ่มจาก 2.7, 3.0, 3.5, 4.0, 4.5, 5.0 ms ที่รอบเดินเบา IDLE วิธีปรับ Map ไปตาม โหลด เริ่มจาก ไม่มี load -> ปิดทุกอย่าง (โหลดประมาณ 2.7 ms) มี load เล็กน้อย -> เปิดแอร์ (โหลดประมาณ 3.0 ms) มี load ปานกลาง -> เปิดแอร์ ไฟหน้า ไฟสูง ไฟในเก๋ง (โหลดประมาณ 3.5 ms) มี load มาก -> เปิดแอร์ ไฟหน้า ไฟสูง ไฟในเก๋ง วิทยุ ไฟตัดหมอก ปัดน้ำฝน (โหลดประมาณ 4.0 ms) มี load มากขึ้น -> เปิดแอร์ ไฟหน้า ไฟสูง ไฟในเก๋ง วิทยุ ไฟตัดหมอก ปัดน้ำฝน เข้าเกียร์ D หรือ R ดึงเบรกมือ (โหลดประมาณ 4.5 ms) มี load มากสุด -> เปิดแอร์ ไฟหน้า ไฟสูง ไฟในเก๋ง วิทยุ ไฟตัดหมอก ปัดน้ำฝน เข้าเกียร์ D หรือ R ดึงเบรคมือ เหยียบเบรก (โหลดประมาณ 5.0 ms) ก็จะไล่ ms ได้ประมาณ 6 ค่าครับ แนวตั้วแกน Y-Axis ประมาณ 2.7ms -> 5.0ms มากกว่า 5 ms อยู่กับที่ไม่ได้แล้ว เพราะ load ไม่พอ ต้องใช้ load ขณะวิ่งด้วยครับ ข้อควรระวัง : จังหวะพัดลมไฟฟ้าทำงาน ตัว Curser จะวิ่งลงมาข้างล่าง ให้เริ่มต้นทำใหม่ครับ และให้อ่านค่าตอนพัดลมไฟฟ้า ไม่ทำงาน มีข้อแนะนำครับ ให้เปิดฝากระโปรงหน้ารถไว้แล้วเอาพัดลมตั้งโต๊ะเป่าที่หน้าเครื่องยนต์ หรือ ไม่ก็หาสถานที่ ที่อากาศถ่ายเทได้ดี จะทำให้ พัดลม ไฟฟ้า ไม่ตัดต่อ บ่อยๆ จะได้จูนได้ง่ายขึ้นครับ
2.3) AIR AND FAN ON/OFF MODE (ปรับ Map ตามจังหวะแอร์และพัดลมไฟฟ้าตัดต่อ แต่รอบเดินเบาคงที่) ปรับรอบแอร์ รอบพัดลมไฟฟ้าให้ นิ่ง ไม่สั่น วิธีการปรับ ค่าชดเชยให้เนียน กดเปลี่ยนจากปุ่ม switch gas/petrol เองเลย กลับไปกลับมา จำค่า ms G และ ms P ไว้ ถ้า ms G < ms P กด – (Map Adjust) และ ถ้า ms G > ms P กด + (Map Adjust) ทำซ้ำไปมาประมาณ 4-6 ครั้ง จนแน่ใจว่าที่รอบนั้น ค่า ms G = ms P แป๊ะ หรือ ms G น้อยกว่า ms P ไม่เกิน 0.1-0.2 ms ครับ แต่ถ้าได้ค่าเท่ากันได้จะเนียนมากๆให้ได้ค่าที่ใกล้เคียงที่สุด โดยเน้น cursur ต้องนิ่ง ไม่เคลื่อน ถาเคลื่อนให้ทำใหม่- มี load เล็กน้อย ตอนแอร์ไม่ทำงาน พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน -> load ms ประมาณ 2.4 ms - มี load ปานกลาง ตอนแอร์ทำงาน พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน -> load ms ประมาณ 2.7 ms - มี load มาก ตอนแอร์ไม่ทำงาน พัดลมไฟฟ้าทำงาน -> load ms ประมาณ 3.0 ms - มี load มากขึ้น ตอนแอร์ทำงาน พัดลมไฟฟ้าทำงาน -> load ms ประมาณ 4.0 ms มีเทคนิคนิดหน่อย ตอน curser ตก ในจังหวะแรกให้ จำตำแหน่งไว้แล้วบวกค่าชดเชยประมาณ 4-5 ค่า จากตอนที่แอร์หรือพัดลมไฟฟ้ายังไม่ทำงานครับ ลองปิด-เปิดแอร์ดู จะมีค่าหนึ่งที่รอบแอร์ตกน้อยมากหรือไม่สั่นเลย
3) Manual Tune Open Loop (วิ่งจูนบนถนนจริง ทั้งเร่ง ทั้งผ่อน ทุกสภาวะ) ก่อนจูนต้องตรวจสอบก่อนนะครับว่า ถนนที่เราจะใช้ในการจูนแบบนี้ นั้น ต้องว่างจริงๆ ไม่ค่อยมีรถวิ่ง และคนขับรถต้องระวังเป็นพิเศษ ครับผม เพราะว่าคนจูนต้องอ่านค่า ms G และ ms P ขณะ เร่ง หรือ ขณะวิ่งอยู่ที่ความเร็วระดับหนึ่งได้ และต้องมีความรวดเร็วในการอ่านค่า และมีสมาธิในการขับด้วย เรียกว่า multitasking จริงๆ ก็ให้ระวังรถรอบๆข้างไว้ด้วยครับ เพราะเราไม่ได้ขับอยู่คันเดียวบนถนน เข้าเรื่องครับ วิธีการ ไม่ยากเลย เหมือน close loop แหละ คือ กด switch gas/petrol ไปมาประมาณ 4-6 ครั้ง เร็วๆ อ่านค่า ms P ms G ให้ได้ค่าที่ใกล้เคียงที่สุด (หมายความว่าอ่าน ms P กด auto switch อ่าน ms G แล้วเปรียบเทียบค่า ms P ms G คือการทำ 1 ครั้ง ทำทั้งหมด 4-6 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าค่าใกล้กันที่สุดครับ) โดยเน้น cursur ต้องนิ่ง ไม่เคลื่อน ถ้าเคลื่อนให้ทำใหม่ จุดสนใจมันอยู่ตรงที่ตารางด้านขวาล่าง ซึ่งเป็นช่วงเร่งที่รอบสูง คือต้องเร่งเร็วๆ แล้วคาคันเร่งไว้ให้นิ่งๆ ดู cursur ไว้ต้องไม่เคลื่อน ขึ้นหรือสูง ไปมา แล้ว กด switch gas/petrol อ่านค่า ms P ms G realtime ตอนนั้น เลยครับ ค่าต้องใกล้ๆ กัน ไม่ใกล้เคียง ปรับ แล้วเร่งใหม่
3.1) เร่งสุดจาก ความเร็วรอบ X -> Y รอบต่อนาที ค่าที่อ่านได้ต้องเท่ากัน ถ้าไม่เท่ากัน เช่น ms G น้อยกว่า ms P ก็ให้ไป ปรับ ตัวเลขใน ช่วงนั้นๆ ลงมา แล้วเริ่มทำใหม่ ทำไปเรื่อยๆจนได้ค่า ms G ms P ทีเท่ากัน มีเงื่อนไขนิด ms G ควรเท่ากันกับ ms P หรือ ms G ควรน้อยกว่า ms P ประมาณ 0.1ms พอครับ ถ้าทำได้ครบ 14 ช่วง นี้ต้องขอแสดงความนับถือจริงๆ
โดยที่ X -> Y = 1,000 -> 2,000 รอบต่อนาที X -> Y = 1,000 -> 3,000 รอบต่อนาที X -> Y = 1,000 -> 4,000 รอบต่อนาที X -> Y = 1,000 -> 5,000 รอบต่อนาที X -> Y = 1,000 -> 6,000 รอบต่อนาที
X -> Y = 2,000 -> 3,000 รอบต่อนาที X -> Y = 2,000 -> 4,000 รอบต่อนาที X -> Y = 2,000 -> 5,000 รอบต่อนาที X -> Y = 2,000 -> 6,000 รอบต่อนาที
X -> Y = 3,000 -> 4,000 รอบต่อนาที X -> Y = 3,000 -> 5,000 รอบต่อนาที X -> Y = 3,000 -> 6,000 รอบต่อนาที
X -> Y = 4,000 -> 5,000 รอบต่อนาที X -> Y = 4,000 -> 6,000 รอบต่อนาที
X -> Y = 5,000 -> 6,000 รอบต่อนาที
3.2) ถอนคันเร่งทันทีหลังจากเร่งสุดจาก ความเร็วรอบ X -> Y รอบต่อนาที ค่าที่อ่านได้ต้องเท่ากัน ถ้าไม่เท่ากัน เช่น ms G น้อยกว่า ms P ก็ให้ไป ปรับ ตัวเลขใน ช่วงนั้นๆ ลงมา แล้วเริ่มทำใหม่ ทำไปเรื่อยๆจนได้ค่า ms G ms P ทีเท่ากัน มีเงื่อนไขนิด ms G ควรเท่ากันกับ ms P หรือ ms G ควรน้อยกว่า ms P ประมาณ 0.1ms พอครับ จะบอกว่า state การจูนตอนถอนคันเร่งนี้ จูนง่ายครับ
โดยที่ X -> Y = 2,000 -> 1,000 รอบต่อนาที X -> Y = 3,000 -> 1,000 รอบต่อนาที X -> Y = 4,000 -> 1,000 รอบต่อนาที X -> Y = 5,000 -> 1,000 รอบต่อนาที X -> Y = 6,000 -> 1,000 รอบต่อนาที
X -> Y = 3,000 -> 2,000 รอบต่อนาที X -> Y = 4,000 -> 2,000 รอบต่อนาที X -> Y = 5,000 -> 2,000 รอบต่อนาที X -> Y = 6,000 -> 2,000 รอบต่อนาที
X -> Y = 4,000 -> 3,000 รอบต่อนาที X -> Y = 5,000 -> 3,000 รอบต่อนาที X -> Y = 6,000 -> 3,000 รอบต่อนาที
X -> Y = 5,000 -> 4,000 รอบต่อนาที X -> Y = 6,000 -> 4,000 รอบต่อนาที
X -> Y = 6,000 -> 5,000 รอบต่อนาที
ช่วงการใช้รอบสูงประมาณ 5,000 ถึง 6,000 rpm ต้องทำอย่างระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ ความเร็วจะอยู่ระหว่าง 140-160 กมต่อชม ถ้าไม่อยากขับความเร็วสูงอาจต้องใช้ ทดเกียร์ลง 1-2 step คือ D3 หรือ D2 ครับ เวลาขับไปจูนไปนั้น มีข้อควรระวังเรื่องการขับขี่นะครับ เพราะว่าคนจูนจะให้สนใจกับการอ่านตัวเลข ms P หรือ ms G เป็นพิเศษ โดยบางทีอาจจะลืมว่าเรากำลังขับอยู่บนถนนจริงๆ ที่มีผู้ร่วมใช้งานบนถนน มากมาย ก็ขอให้ระวังเรื่องความปลอดภัยด้วยครับ ด้วยความหวังดี แนะนำหาถนนโล่ง ช่วงที่ไม่ค่อยมีคนใช้งานเช่นทางด่วน ตอนเช้ามืด หรือดึกๆ หน่อย หรือ ไม่ก็ถนนหลายๆ เลนรถน้อยๆ ครับผม
สภาวะ Open loop Close loop Close loop ระบบควบคุมแบบปิด เป็นสภาวะที่ sensor สามารถตรวจจับได้ว่า ณ ตอนนั้น engine ต้องการจ่ายน้ำมัน เท่าไหร่ เมื่อเทียบกันปริมาณอากาศขณะนั้นๆเช่น จังหวะเร่งช้าๆ หรือ เร่งแบบปกติไม่เร็วมากไป Closed Loop ในบางครั้งก็เรียกว่า Control Loop คือ Loop ที่เราสนใจเป็นพิเศษหรือที่เราต้องการควบคุม (สภาวะอันนี้เหมาะแก่การ จูนละเอียด เพราะ ตำแหน่งที่ curser วิ่งจะไม่เร็วมากไป) Open loop ระบบควบคุมแบบเปิด เป็นสภาวะที่ sensor ไม่สามารถตรวจจับได้ว่า ณ ตอนนั้น engine ต้องการจ่ายน้ำมัน เท่าไหร่ เมื่อเทียบกันปริมาณอากาศขณะนั้นๆ ปริมาณแก๊สหรือน้ำมันมีอัตราการไหลที่ไม่แน่นอนเดี๋ยวมากเดี๋ยวน้อย เรียกได้ว่าอัตราการ Flow ไม่นิ่ง เช่น ขณะเร่งเร็วๆ กะทันหันแบบ Kick Down จน Redline (ตำแหน่งที่ curser วิ่งเร็วมาก จูนละเอียดยาก)
เรามากล่าวถึงคำว่า Close loop กันก่อนเลยนะครับ Close loop ทำหน้าที่ปรับส่วนผสมให้ได้ตามค่าที่กำหนดตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรุ่นกำหนดไว้ โดยส่วนใหญ่ Close loop จะทำงานอยู่ในช่วง 0-60% ของคันเร่ง จาก 0- 3200 Rpm และรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ Close loop ลึกมากถึง 80% ของการกดคันเร่ง จาก 0-4800 Rpm ถ้ากดคันเร่งเกินจาก %ของคันเร่งที่กำหนดไว้ หรือเกินจากรอบที่กำหนดไว้ กล่องจะสั่งการให้เปลี่ยนจาก Close loop เป็น OpenLoop ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายได้มากขึ้น โดยไม่มีการตรวจเช็คส่วนผสมจาก O2 Sensor และไม่มีการส่งค่า Feedback กลับมายังกล่อง Ecu ส่งผลให้ส่วนผสมจ่ายตามกล่อง Ecu ที่โปรแกรมเอาไว้ โดยไม่ถูก O2 Sensor ดึงค่ากลับ
โดยปกติแล้ว Close loop จะคอยตรวจเช็คส่วนผสมอยู่ที่ 14.7 หรือ Lamda=1 เมื่อ O2 Sensor ตรวจพบว่าส่วนผสมมีการเปลี่ยนแปลงใน Close loop ไม่ว่าจะหนากว่า 14.7 หรือบางกว่า 14.7 ก็ตาม O2 Sensor จะส่งค่า Feedback กลับมายังกล่อง Ecu เพื่อให้กล่อง Ecu ปรับค่าให้อยู่ที่ 14.7 ตลอด ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมัน แต่กลับกลายเป็นปัญหาสำหรับวัยแรงอย่างพวกเราน่ะสิ เมื่อไม่สามารถปรับจูนส่วนผสมใน Close loop ได้ ทำให้พละกำลังในช่วงต้นไม่สามารถรีดเค้นออกมาได้หมด ซึ่งปัญหานี้จะเกินกับกล่อง Ecu ที่ต่อพ่วงแบบ PiggyBack ซึ่งไม่มี Function Disable Close loop
บทสรุป -จูนคนเดียว (คนขับ ทำหน้าที่ขับด้วย กดอ่าน ms ด้วย) ข้อดี : จูนได้ละเอียดกว่า เนื่องเราไม่ต้อง interactive กับอีกคนหนึ่ง ให้สั่งเร่ง สั่งเบรก สั่งกด switch ข้อเสีย : อันตรายมากกว่า เวลาขับต้องมีสมาธิในการดูรถรอบข้างด้วย
-จูนสองคน (คนขับ ทำหน้าที่ขับอย่างเดียว คนนั่งกดอ่าน ms และเป็น commander ครับ) ข้อดี : ปลอดภัยกว่าครับ ไม่ต้องมาพะวงรถรอบข้างขณะขับด้วย ข้อเสีย : ไม่รู้จังหวะการกดการอ่าน แบบ Realtime และ ต้อง Sync กันให้ดี
ผมจูน JAZZ IDSI และ NEW CIVIC1.8 แบบ Open Loop ใช้เวลา 1 วันเต็มๆ เลย ไม่นึกว่าจะนานขนาดนั้น แต่ก็ต้องภูมิใจในผลงานครับ ที่ขับได้เนียนจริงๆ ลื่นๆมากๆ กด switch G/P ไปมาไม่รู้เลยว่า วิ่งอะไรอยู่ ครับ แอร์ตัดรอบก็นิ่ง กว่าจะจูนเป็นนี่ทั้งอ่าน ทั้งถาม เรียนรู้ไปเรื่อยๆ จาก web เนี่ยแหละครับ
ผมเอารูปการจูนล่าสุดของ NEW CIVIC 1.8 i-VTEC JET18 และ JAZZ IDSI 1.5 JET15 มาให้ดูเป็นแนวทางแล้วกันคร๊าบผม จะบอกว่าขับแล้วเนียนจริงๆ ชอบมากครับ แต่จะบอกว่าไม่ 100% ครับ เนื่องจากอะไร เดี๋ยวมาเฉลยๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|