น้ำมัน ขาลงพ่นพิษทำยอดขายก๊าซ LPG ของบริษัทสยามแก๊สฯ ลดลง 15% ปรับวิธีเลือกที่ดินขยายปั๊มแบ่งเกรดระดับ A ลงทุนทันที คาดปีนี้ขยายเต็มที่อีก 5 แห่ง ลงทุนอีก 200 ล้านบาท
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ยอดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในรถยนต์ของบริษัทขณะนี้ลดลงถึงร้อยละ 15 เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องจากราคาที่เคยแตะที่ 140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จนล่าสุดราคาอยู่ที่เพียง 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศบางชนิดมีราคาเพียง 20 กว่าบาท/ลิตร เช่น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ผู้ใช้น้ำมันมีทางเลือกที่จะหันกลับไปใช้น้ำมันมากขึ้น ยอดขายก๊าซจึงลดลงต่อเนื่องมาประมาณ 6-7 เดือนแล้ว แต่เมื่อประเมินทั้งปี 2551 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ายอดขายก๊าซของบริษัทยังเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 10 ทั้งนี้เชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ใช้ก๊าซ LPG เดิมจะยังคงใช้ต่อไป แต่สัดส่วนการเพิ่มรถยนต์ที่จะติดตั้งเครื่องยนต์ก๊าซ LPG อาจจะชะลอตัวไปบ้าง
อย่างไรก็ตามยอดขายก๊าซที่ลดลงส่งผลให้บริษัท สยามแก๊สฯต้องรอบคอบในการวางแผนขยายสถานีบริการก๊าซ LPG มากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกเช่าหรือซื้อที่ดินสำหรับขยาย จากเดิมที่เคยประเมินไว้ในช่วงที่ราคาน้ำมันแตะที่ 30-40 บาท/ลิตร หากมีพื้นที่ว่างพอจะขยายได้เป็นสถานีบริการได้จะดำเนินการทันที แต่หลังจากเศรษฐกิจและความต้องการใช้พลังงานชะลอตัว จึงต้องปรับแผนด้วยการแบ่งเกรดสำหรับพื้นที่ขยายเป็น
1)เกรด A พื้นที่เหมาะสมและสามารถทำยอดขายได้ 100-200 ตัน/วัน และ 2)เกรด B พื้นที่น่าสนใจ แต่เก็บไว้พิจารณาก่อน หากสถานการณ์ความต้องการใช้ก๊าซกลับมาเพิ่มขึ้นแบบรวดเร็วจะดึงพื้นที่นี้ ขยายต่อทันที ซึ่งคาดว่าในปีนี้น่าจะขยายได้ประมาณ 5 แห่ง วงเงินลงทุนอีกประมาณ 200 ล้านบาท แต่ระยะเวลาที่จะคืนทุนอาจจะขยับออกไปจากเดิมที่ใช้เวลาเพียง 2-3 ปี อาจจะขยับออกไปเป็น 5 ปี ตามภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทสยามแก๊สฯยังมองว่ามาร์จิ้นที่ได้จากการขายก๊าซ LPG ยังถือว่าพอไปได้และควรลงทุนต่อ
"จากเดิมที่เคยกางแผนที่แล้วชี้เอา เลยว่าต้องมีปั๊มก๊าซ LPG ของสยามแก๊สฯขึ้น ตอนนี้ก็เบรกๆ ไว้ เอารายละเอียดมานั่งดูว่าตรงนี้จะขายได้หรือไม่ มีดีมานด์เพียงพอที่จะคุ้มค่าลงทุนตั้งปั๊มก๊าซหรือไม่ เรามองลูกค้าของเราเลยว่า หากจะลงทุนในช่วงนี้ต่อปั๊ม หากจะให้คุ้มต้องตั้งแต่ 150-200 ตันขึ้นไป แต่การคืนทุนจะช้าหน่อย เพราะสถานการณ์เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วมันต่างกันมาก"
นาย ศุภชัยกล่าวเพิ่มเติมถึงการลงทุนในต่างประเทศว่า แผนการเข้าไปซื้อกิจการก๊าซ LPG ในประเทศเวียดนามที่ได้พยายามเจรจาต่อรองกับบริษัทที่ต้องการขายมา
ตั้งแต่ ช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมานั้น เชื่อมั่นภายในไตรมาส 1 ของปี 2552 นี้จะต้องสรุปการเจรจาให้ได้ เพราะขณะนี้เหลือเพียงสรุปตัวเลขซื้อขายกิจการเท่านั้น บริษัทสยามแก๊สฯ มองว่า ประเทศเวียดนามยังมีความต้องการใช้ก๊าซ LPG สูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคขนส่ง ฉะนั้นจึงตั้งเป้าที่จะเข้าไปทำตลาด การเข้าไปซื้อกิจการ
ครั้งนี้จะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 400 ล้านบาท
สำหรับ ตลาดก๊าซ LPG ในประเทศเวียดนามขณะนี้มีคู่แข่งในตลาดประมาณ 10 ราย ซึ่งถือว่าผู้เล่นในตลาดยังน้อย การทำตลาดจะใช้แบรนด์ "ยูนิคแก๊ส" ที่เคยเข้าไปทำตลาดในเวียดนามมาก่อนหน้านี้แล้ว