admin
|
|
« เมื่อ: ธันวาคม 06, 2008, 12:30:25 AM » |
|
มาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ 95 ก็ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า นโยบายพลังงานทาง เลือก E85 ถือเป็นวาระแห่งชาติในการประหยัดพลังงาน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกพืชพลังงาน และเสริมสร้างองค์ความรู้ในการลดการใช้พลังงานเพื่อชาติ มั่นใจในปีหน้าสามารถ รองรับการใช้งานได้ 100%
รมว.กระทรวงพลังงานกล่าวต่อว่า การดำรงชีวิตของคนเรานั้นต้องอาศัยพลังงานในทุกมิติ อย่างไรก็ตาม สำหรับพลังงานที่ขุดมาจากใต้ดิน อย่างน้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ วันหนึ่งต้องมีวันหมด และแม้ว่าในเวลานี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกและในประเทศจะปรับตัวลดลง แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ เชื่อว่าราคาจะต้อง ปรับตัวขึ้นสูงเรื่อยๆ แน่ พลังงานทดแทน จึงเป็นทางเลือกที่มีความจำเป็น และเป็น ตัวแทนในการประหยัดพลังงาน รวมถึง การพึ่งพาตนเองภายในประเทศด้วย
น้ำมันก๊าซโซฮอล์ E85 จะเป็นพลังงานที่เอื้อประโยน์และเหมาะสมกับ คนไทยเป็นอย่างสูง เหตุเพราะเมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม มีการปลูกพืชทางเศรษฐกิจมากมาย โดยมีการปลูกพืชที่นำ ไปใช้ในการผลิตพลังงานทดแทน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง จำนวนมาก ทำให้เชื่อ ว่านโยบายขับเคลื่อน E85 จะเดินหน้าได้โดยไม่ติดขัด
“ถ้าเรารณรงค์ให้คนหันมาใช้ E85 ได้มาก ก็จะทำให้ราคาพืชทางเศรษฐกิจไม่ ตกต่ำ เมื่อราคาพืชมีความนิ่ง เกษตรกรก็ จะเชื่อมั่นขยายผลผลิตได้มากขึ้น ไม่ต้องอาศัยพลังงานจากต่างชาติ ลดการนำเข้านำมันดิบได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ ตาม การจะทำโครงการนี้ประสบผลสำเร็จต้องผลักดันให้เกิดการใช้รถยนต์ E85 ควบคู่ไปด้วย เพราะถ้ามีน้ำมันแต่ไม่มีรถเติมก็ไม่เกิดประโยชน์ หรือมีผู้ผลิตรถ E85 ออกมาแต่ไม่มีปั๊มให้เติมก็คงไม่มีคน ใช้” รมว.กระทรวงพลังงาน กล่าว
รมว.กระทรวงพลัง งานยังกล่าวอีกว่า สำหรับในปี 2552 รัฐบาลจะเร่งขยายสถานีบริการ E85 ให้ได้ประมาณ 30-50 ปั๊ม กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 60,000 ลิตร/วัน และจะเพิ่มเป็น 2,000,000 ลิตร/วัน ในปี 2554 โดยเชื่อว่าจะมีวัตถุดิบ ป้อนกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง และหาก มีเอธานอล ซึ่งเป็นส่วนผสมของ E85 เหลือก็สามารถส่งออกไปขายทำรายให้แก่ ประเทศได้อีก โดยคาดว่าในปี 2554 จะมีรถยนต์ในน้ำมัน E85 มากกว่า 100,000 คัน ช่วยลดการนำเข้าน้ำมันเป็นเงินประ มาณ 360,000 ล้านบาทต่อปี
รมว.กระทรวงพลังงานกล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ E85 นั้น ประกอบด้วย
1.มาตรการด้าน ภาษีเพื่อนำเข้าและผลิตรถยนต์ FFV ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างอากรนำเข้า และภาษีสรรพสามิต ยังไม่จูงใจให้ประชาชนสนใจใช้รถยนต์ดังกล่าวโดยมาตรการกระตุ้นที่จะนำมาใช้ คือ ลดอากรนำเข้ารถยนต์ FFV (เป็นการชั่ว คราว 2 ปีแรก) จาก 80% เหลือ 60% และลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ FFV จาก 25% เหลือ 22% (รถไม่เกิน 2000 CC) 2.ส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตอ้อยต่อไร่เป็น 15 ตัน/ไร่ และมันสำปะหลังเป็น 5 ตัน/ไร่ กำหนด การเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูกในพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและที่ราชพัสดุ 3.พิจารณาความ เหมาะสมของราคาเอธานอลให้สอดคล้อง กับวัตถุดิบในประเทศ
ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว 4.กำหนดราคา E85 ให้มีราคาขายปลีกต่ำกว่าก๊าซโซฮอล์ 95 (E10) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30% 5.พิจารณาสนับสนุน การผลิตน้ำมัน E85 ครบวงจรตั้งแต่การจัดทำแผนการผลิต E85 ของโรงกลั่นน้ำมัน การพัฒนาระบบ logistics ระบบคลังน้ำมัน และการ Blending 6.จัดทำโครงการ Fleet รถยนต์ E85 เพื่อส่งเสริมการใช้และสนับสนุนการวิจัยพัฒนาในปี 2552 โดยจัดให้มีผู้นำเข้ารถ FFV มาทดสอบประสิทธิภาพ และ 7.สนับสนุนเงินทุนส่งเสริมจากรัฐในการวิจัยและพัฒนา เช่น การพัฒนาวัตถุดิบ การใช้เซลลูโลสเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอธานอล และการพัฒนารถยนต์ FFV
“ในเรื่องการส่งเสริมสนับสนุนการ ใช้ E85 ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศได้มากมาย อาทิ 1.สร้างความมั่นคงด้านการจัดหาพลังงาน ของชาติ และลดการใช้เบนซินได้ 2.สร้างโอกาสในการปรับโครงสร้างการผลิตพืช ไปสู่พืชพลังงานที่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสูง สร้างเสถียรภาพราคาพืชผลเกษตร และสร้าง Multiplier effect 60,657 ล้านบาท
ภายในปี 25512561 3.ลด CO2 Emission รวม 27.8 ล้านตัน ในปี 2561 ส่วนด้านประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไปคือ 1.ผู้ลงทุนผลิตรถยนต์ FFV มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ 2. ประชาชนจะประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมัน โดยค่าใช้จ่ายต่อ กม. ของผู้บริโภค E85 ประหยัดกว่า Eco Car ที่ 19 สตางค์/กม. และประชาชนที่ใช้รถ FFV สามารถเลือก ใช้น้ำมัน E85 E10 E20 ได้ 3.เกษตรกรมีรายได้จากการขายสินค้าเกษตร มีความ มั่นคงจากความแน่นอนด้านการตลาดที่มีรองรับชัดเจน ราคาพืชผลเกษตรมีเสถียรภาพ นำไปสู่การมีรายได้มากขึ้น” รมว. กระทรวงพลังงาน กล่าว
ที่มา : นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 954 ประจำวันที่ 5-12-2008 ถึง 9-12-2008
|