ขนส่งล้อมคอกเข้มรถหรูแยกส่วนติดแก๊ส เลี่ยงภาษีตรวจสภาพ วันอาทิตย์ ที่ 04 กันยายน 2553
www.dailynews.co.th/web/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=89693"กรมการขนส่ง" เต้น สั่งล้อมคอกคุมเข้ม รถหรู-รถซิ่งลักไก่ "จดประกอบ" สวมรอยอ้าง “ติดแก๊ส” เพื่อเลี่ยงภาษีหนีตรวจสภาพ ขอทะเบียนสบายใจเฉิบ “รณยุทธ” ประกาศขู่ฟันเจ้าหน้าที่ หากยังปล่อยหละหลวม แฉเล่ห์กลแสบใช้แผนซิกแซก แต่เพิ่งจะบูมช่วง 1-2 ปี ราคาถูกกว่าท้องตลาด 20% เผยช่วงปี 49 “ศปจร.” เคยยึดปอร์เช่หรูใช้วิธีจดประกอบ เชื่อมีเจ้าหน้าที่ บางคนมีเอี่ยวรู้เห็นเป็นใจด้วย
ภายหลังจาก “เดลินิวส์” กระชากหน้ากากขบวนการแสบลักลอบนำรถหรูซูเปอร์คาร์รวมถึงรถซิ่งที่หลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตอย่างหัวใสด้วยการนำเข้ารถประมูลมือสองเหล่านี้จากต่างประเทศ โดยสำแดงต่อศุลกากรว่านำเข้าอะไหล่รถยนต์ จากนั้นขบวนการจะนำรถยนต์ดังกล่าวไปจดประกอบ และใช้วิธีการหลีกเลี่ยงการตรวจมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วยการติดตั้งแก๊สเพื่อนำไปขอจดทะเบียนจากขนส่งนำไปขายต่อในราคาต่ำกว่าท้องตลาด ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีรถยนต์จำนวนมหาศาล รวมทั้งประชาชนอาจต้องสูญเงินฟรีเพราะรถถูกยึด หรืออาจถูกภาษีย้อนหลังจนเสียเงินบานปลาย ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า เคยได้ยินเรื่องดังกล่าวจากข่าวเหมือนกัน ส่วนการหลีกเลี่ยงด้วยการนำรถหรู รถซิ่ง ซึ่งเป็นรถประมูลมือสองเหล่านี้ไปติดตั้งแก๊ส เชื่อว่าเป็นการหลบเลี่ยงการตรวจสภาพรถยนต์นำเข้าตามมาตรฐาน สมอ. ที่กำหนดเอาไว้ว่า หากเป็นรถยนต์มือสองที่ติดตั้งแก๊สเป็นเชื้อเพลิงจะได้รับการยกเว้นเนื่องจากเห็นว่าไม่ได้ก่อมลพิษ ทั้งนี้การตรวจสภาพฯ มีค่าใช้จ่ายครั้งละประมาณ 37,000 บาท โดยมีหลักเกณฑ์กำหนดเอาไว้ว่า หากตรวจสภาพไม่ผ่านก็ต้องมีการตรวจสภาพใหม่และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกครั้งละ 37,000 บาท
ส่วนที่ระบุว่ามีการนำรถยนต์หรู เช่น รถเฟอร์รารี รถปอร์เช่ มาดัดแปลงในการติดตั้งแก๊สนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสภาพฯ นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากรถดังกล่าว เครื่องยนต์จะอยู่ข้างหลัง เพราะฉะนั้นการติดตั้งถังแก๊สจะทำไม่ได้ และเชื่อว่าไม่มีใครทำกัน ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของกรมฯ จะมีความเข้มงวดในการตรวจสอบสภาพรถ หาก รถยนต์คันใดที่เปลี่ยนเป็นติดตั้งถังแก๊สแล้ว จะมีการระบุในเล่มจดทะเบียนไปตลอด ไม่สามารถแก้ไขได้ อย่างไรก็ดีเมื่อมีกระแสข่าวเกิดขึ้น ตนได้ส่งหนังสือกำชับเจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบรถยนต์ที่เปลี่ยนใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปรถยนต์รวมถึงตรวจสภาพ การติดตั้งถังแก๊สจริง ๆ และต้องระบุในเล่มจดทะเบียนไปตลอด ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนจะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง หากพบว่าเจ้าหน้าที่ของกรมฯ คนใดละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบจะถูกตรวจสอบและถูกลงโทษทางวินัยทันที
ด้านแหล่งข่าวจากวงการรถซูเปอร์ คาร์ กล่าวว่า การนำเข้ารถแบบจดประกอบเริ่มมาบูมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากรถเหล่านี้จะราคาถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 20% การที่แก๊งนำรถดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายกระทบต่อรายได้ภาครัฐแน่นอน เพราะผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจโดยสุจริตนำรถหรู หรือ ซูเปอร์คาร์เข้ามาต้องเสียภาษีเกือบ 300% ของราคา หากผู้ที่ทำธุรกิจถูกกฎหมายขายรถไม่ได้ก็ต้องเลิกกิจการ รัฐก็สูญเสียรายได้ ความเสียหายเกิดเป็นลูกโซ่ “การที่รถจดประกอบเหล่านี้เป็นที่นิยม เชื่อว่าส่วนหนึ่งมีช่องทางที่นำเข้ามาสะดวก ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถนำเข้ามาได้ง่ายนัก คาดว่าคงมีการนำเข้ามาทำตลาดเป็นหลักร้อยคันแล้ว อีกทั้งยังราคาขายถูกกว่า แต่ในมุมของผู้ซื้อคงต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะรถที่นำเข้ามามีประวัติหรือไม่อย่างไร ถ้าลูกค้าซื้อรถญี่ปุ่นยังพอซ่อมได้ แต่ถ้าเป็นรถหรู หรือซูเปอร์คาร์ การซ่อมบำรุงรักษาทำได้ยากเพราะต้องมีเทคโนโลยีและรหัสผ่านจาก บริษัทแม่ โดยมีเฉพาะที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น”
โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2549 เจ้าหน้าที่ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปจร.ตร.) ได้มีหนังสือที่ 0054.32 (ศปจร.ตร.) รายงานข้อเท็จจริง กรณีตรวจยึดรถยนต์ปอร์เช่ ที่ตรวจสอบพบว่ามีการสำแดงรายการสินค้านำเข้าหรือใบอินวอยซ์ว่าเป็นอะไหล่รถยนต์ จากนั้นใช้วิธีการจดประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีและการตรวจมาตรฐาน สมอ. ไปยัง ศปจร.ตร. โดยชุดจับกุมได้ส่งรถของกลางไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน และไม่พบการตัดต่อรถยนต์หรือการพ่นชั้นสีใหม่ นอกจากนี้ยังพบว่าเครื่องยนต์ที่ใช้ไม่เคยถูกถอดประกอบ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดรถเอาไว้
อย่างไรก็ตามในหนังสือดังกล่าวยัง ระบุขั้นตอนของขบวนการที่ใช้ช่องโหว่กฎหมายหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์เหล่านี้ พบว่าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้ารถยนต์ขนาดใหญ่หรือเต็นท์รถ โดยระบุไว้ชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมหรือสนับสนุนการกระทำผิดของคนร้าย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการดำเนินการทางทะเบียนรถ ตรวจสภาพรถและตรวจสอบการนำเข้ารถยนต์.