กระทรวงพลังงาน ส่งสัญญาณ ขยายเวลาตรึงแอลพีจีภาคขนส่งต่ออีก 2-3 เดือน หวั่นม็อบรถแท็กซี่ประท้วงขึ้นราคาอีก 41 สต.ต่อลิตร ในวันที่ 16 ม.ค. 55 หลังเปลี่ยนรถแท็กซี่เอ็นจีวีฟรี 20,000 คัน เข้าโครงการบัตรเครดิตพลังงานไม่ทัน พร้อมจะเร่งคลอดส่วนลดราคาน้ำมันให้กับวินมอเตอร์ไซค์ต้นปีหน้าอย่างต่ำ 2 บาทต่อลิตร จากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯเพิ่มมาช่วยเหลือ
แหล่งข่าวระดับสูงจากระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ขณะนี้เตรียมที่จะหารือกับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อหาทางออกให้กับรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม)เป็นเชื้อเพลิง จำนวน 20,000 คันที่ยังไม่สามารถเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีได้ เนื่องจากโครงการติดตั้งถังและอุปกรณ์เอ็นจีวีฟรีเกิดความล่าช้า ซึ่งจะเปิดเคาะราคาประมูลจัดซื้อถังและอุปกรณ์ส่วนควบเอ็นจีวีในวันที่ 26 ธันวาคม 2554 นี้ ซึ่งจะทำให้รถแท็กซี่ดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนมาเป็นเอ็นจีวีได้ และสมัครเข้าโครงการบัตรเครดิตพลังงานได้ทันในวันที่ 16 มกราคม 2555 ที่จะมีการทยอยปรับราคาแอลพีจีขึ้นไปเดือนละ 41 สตางค์ต่อลิตรเป็นระยะเวลา 12 เดือน
3 แนวทางช่วยเหลือ
ทั้งนี้ หากไม่เร่งหาทางออกให้กับกลุ่มรถแท็กซี่ที่อยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวี เกรงว่าจะก่อให้เกิดการเรียกร้อง และสร้างปัญหาให้กับสังคมได้ จึงกำลังพิจารณา 3 แนวทาง ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐบาลจะออกบัตรเครดิตพลังงานหรือส่วนลดราคาก๊าซแอลพีจี เหมือนกับที่ให้กับกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ไปก่อน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีทั้งหมด แต่แนวทางดังกล่าวนี้ มีความยุ่งยาก เนื่องจากผู้จำหน่ายก๊าซแอลพีจีมีผู้ประกอบการค่อนข้างมาก ควบคุมได้ลำบาก และไม่มีเครื่องรูดบัตร เมื่อเทียบกับการออกบัตรเครดิตพลังงานให้กับแท็กซี่เอ็นจีวีที่มีบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) รายเดียวเป็นผู้ดำเนินการ
ขณะที่อีกแนวทางหนึ่ง เป็นการให้คูปองหรือเงินสดให้กับแท็กซี่ที่อยู่ระหว่างการรอคิวมาติดตั้งเอ็นจีวี ตามระยะเวลาคิวที่กำหนดและปริมาณที่ใช้ ซึ่งจะช่วยให้แท็กซี่สามารถใช้แอลพีจีในราคาเดิมได้อยู่ และเมื่อถึงคิวมาติดตั้งแล้วก็ยุติการจ่ายคูปองหรือเงินสด และให้เข้ามาสู่โครงการบัตรเครดิตพลังงาน แต่แนวทางดังกล่าวนี้ จะต้องดูแลและควบคุมไม่ให้เกิดการรั่วไหลของการจ่ายคูปองหรือเงินสดเป็นอย่างดี
เลื่อนปรับราคาแอลพีจี
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า หาก 2 แนวทางดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ จะเสนอให้รัฐบาลยืดระยะเวลาการปรับราคาก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งออกไปอีก 2-3 เดือน จากปัจจุบันจำหน่ายอยู่ในราคาประมาณ 11.20 บาทต่อลิตร หรือจาก 18.13 บาทต่อกิโลกรัมออกไปก่อนเพื่อรอให้รถแท็กซี่จำนวน 20,000 คัน เปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีได้ทั้งหมดก่อน และค่อยทยอยปรับราคาขึ้นไป ซึ่งจะทำให้เกิดความพอใจกับทุกฝ่าย และสามารถดำเนินการได้เร็ว เพียงแต่ขอแก้ไขมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเท่านั้น
"การเลื่อนระยะเวลาปรับราคาแอลพีจีภาคขนส่งออกไป น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะดำเนินการได้เร็วไม่ยุ่งยาก อีกทั้ง มีการประเมินการว่าการติดตั้งรถแท็กซี่เป็นเอ็นจีวีน่าจะดำเนินการได้เร็ว เพราะที่ผ่านมามีรถแท็กซี่รอโครงการไม่ไหวได้หันไปเปลี่ยนเป็นเอ็นจีวีแล้ว รวมถึงรถแท็กซี่แอลพีจีที่หมดอายุใบอนุญาตการขับขี่ ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นเอ็นจีวีแทน ดังนั้น จำนวนแท็กซี่แอลพีจีที่ประเมินกันไว้ 20,000 คัน น่าจะลดลงเหลือประมาณ 10,000 คัน จึงทำให้กินระยะเวลาติดตั้งเป็นเอ็นจีวีไม่นาน ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะพิจารณาว่าจะเลือกแนวทางไหน" ส่วนกรณีการจะเลื่อนปรับราคาก๊าซเอ็นจีวีขึ้นไปในวันที่ 16 มกราคม 2555 นั้น คงจะยังกำหนดระยะเวลาเดิมอยู่ แม้ว่าทางกลุ่มแท็กซี่จะมีการเรียกร้องให้เลื่อนระยะเวลาออกไปก็ตาม เนื่องจากผลกระทบราคาที่ปรับขึ้นไม่ได้กระทบกับรถแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการบัตรเครดิตพลังงาน เพราะได้วงเงินส่วนลดราคาสูงถึง 9,000 บาทต่อเดือน
ที่มา : อ่านข่าวเพิ่มเติมจาก นสพ.ฐานเศรษฐกิจ