ลูกค้าขาประจำแวะเอารถเข้ามาให้ติดตั้งแก๊สจนเมา LPG กันทั้งบ้าน
คราวนี้เล่นของสูงจะเอาเจ้ากระป๋องไฟฟ้า Alphard Hybrid มาให้ดมแก๊สเพิ่มอีกคัน
เลยขออาสาจับมายัดด้วยชุดคิทจากค่าย AC ลงประจำการณ์เป็นรถรวมญาติขับเคลื่อน 3 ระบบไปเลย
เรือนไมล์มีระบบพื้นฐานทั้ง VSC TRC แบบนี้
รับรองว่าถ้าปรับจูนไม่ใกล้เคียงระบบเดิม ไฟ Engine มาเยือนแน่นอน...
คันนี้เป็นเครื่องยนต์ขนาด 4 สูบ 2,400CC รหัส 2AZ-FXE
ขนม้ามาราวๆ 14X ตัว ทำงานด้วยระบบ Hybrid ใช้น้ำมันสลับกับไฟฟ้า
แต่เดี๋ยวจะแอบเพิ่ม LPG เข้าไปอีกตัวให้มันกินแทนน้ำมัน
Specification : ชุดคิท Stag-4 Eco
หม้อต้ม Tomasetto AT13
กรองแก๊ส Leaf
รางหัวฉีด Hana
ถัง Donut 48 ลิตร มัลติวาล์ว Tomsaetto
เห็นห้องเครื่องก็ยืนมึนกันอยู่ครู่ใหญ่เพราะพื้นที่การทำงานค่อนข้างแคบถึงแคบมากๆ
เครื่องยนต์และระบบ Hybrid ของรถจับจองพื้นที่เอาไว้ก่อนจนแทบจะหาหลีบไว้ลงอุปกรณ์แก๊สไม่ได้
ปลั๊กสารพัดแบบเรียงกันเป็นตับๆเห็นแล้วชวนมึนแบบนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว...
เริ่มงานรื้ออุปกรณ์และติดตั้งระบบด้านหน้า
การวางแผนการติดตั้งถือว่าสำคัญมากเพราะถ้ากะผิดต้องเสียเวลาแก้และทำขาใหม่หมด
จุดที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งในการติดตั้งรถยนต์ Hybrid คือ สายโปโลเส้นสีส้มครับ
เพราะเป็นสาย High Voltage กระแสไฟแรงสูงที่ต่อมาจากแบตเตอรี่ระบบ Hybrid ของรถ
หากทะเล่อทะล่าไปจับหรือไปปอกโดนเข้า รับรองได้กลายเป็นยอดมนุษย์ไฟฟ้าสีตอตะโกแน่ๆ...
ตำแหน่งหม้อต้มติดตั้งไว้ด้านหน้าที่มีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ทางด้านซ้าย
ตำแหน่งรางหัวฉีดก็ต้องระวังไม่ให้อยู่ติดกับสายไฟ High Voltage
และหลังประกอบหม้อกรองอากาศต้องไม่กดทับสายไฟและปลั๊กหัวฉีด
งานติดตั้งถังรุ่นนี้ไม่ยากเท่าไหร่นักเพราะช่องว่างเหมือนกับตัว Alphard เบนซิน
หากเคยติดตั้งมาก่อนแล้วก็สามารถนำแบบขามาใช้กันได้เลย
ยางอะไหล่ที่ให้มาเป็นแบบบาง แต่ช่องเก็บยางมีความลึกพอที่จะใส่ถังโดนัทได้
จุดยึดขาถังออกแบบให้ยึดด้านข้างตามแนวแชสซีโดยไม่เจาะทะลุด้านบนตัวถังรถ
แนวท่อทองแดงหลบอยู่ในจุดปลอดภัยและห่างจากแหล่งความร้อน
มาดูผลงานหลังติดตั้งระบบเสร็จทุกจุดครับ
ตำแหน่งหม้อต้มเลือกติดตั้งไว้ด้านหน้าเพื่อง่ายต่อการปรับตั้งแรงดันและเปลี่ยนไส้กรอง
สำหรับรถรุ่นนี้แรงม้าไม่ได้สูงมากนัก ท่อทองแดง 6 มิลเอาอยู่สบายครับ
ท่อยางทุกจุดหุ้มด้วยท่อโปโลและท่อถักกันความร้อนและการเสียดสีได้ดี
อีก 1 ปีถอดออกมาดูรับรองว่าท่อยังใสนิ่มไร้รอยขีดข่วน
กรองแก๊ส Leaf ความละเอียดสูง ติดตั้งค่อนไปทางด้านหลังโดยทำขายึดอย่างหนาช่วยลดแรงสั่นสะเทือน
พื้นที่ยังเหลือพอให้ถอดเปลี่ยนในอนาคตได้โดยไม่ต้องถอดชุดหม้อกรองอากาศ
ชุด Map Sensor ซุกไว้ด้านหลังหลบเอาไว้ไม่ให้โดนน้ำฝน
ชุดรางหัวฉีด Hana 2000 ใช้สีเขียวให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์
สายไฟหัวฉีดทั้งระบบใช้ชุดปลั๊ก Bypass ตรงรุ่น ไม่มีการตัดต่อให้สายไฟช้ำ
สายทุกเส้นหุ้มทับอีกชั้นด้วยท่อโปโล+ปุ๊กปิ๊ก กันช็อตและช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น
ถังโดนัทเลือกใช้ขนาด 48 ลิตร ดูแล้วลงตัวที่สุด
เพราะความสูงแค่ 20 ซม.ติดตั้งแล้วถังไม่ห้อยลงมาต่ำมากเกินไป
แนวของถังติดตั้งเอียงให้ด้านท้ายของถังเชิดสูงกว่าเล็กน้อย
เพราะบ้านนี้ไปกันทียกครัว เมื่อนั่งกันเต็มรถน้ำหนักรวมจะกดท้ายรถลงให้ถังขนานกับพื้นถนนได้พอดี
ระยะห่างทั้งด้านข้างท่อพักปลายและกันชนท้ายถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
มัลติวาล์ว Tomasetto ขนาด 200-0' พร้อมขดท่อทองแดงเผื่อไว้ในอนาคต
ตำแหน่งสวิตซ์ LED มีช่องว่างเหลือให้ 1 ช่องพอดีครับ
ติดตั้งเสร็จก็เข้าสู่โหมดการ Set up ค่าก่อนการจูนแก๊ส
พื้นฐานการตั้งค่าก็แทบไม่ต่างกับรถทั่วไปเท่าไหร่
มีจุดสำคัญแค่การติ๊กเลือกโหมด Hot Start เอาไว้เพื่อให้ระบบสามารถใช้แก๊สได้เลยถ้าอุณหภูมิร้อนถึงค่าที่ตั้งไว้
ปล. โปรแกรมไม่รู้เป็นอะไรดันเลือกภาษาไม่ได้ เลยต้องดูเป็นภาษาแม่ของเค้าไปก่อนละกัน...
เริ่มการ Auto Calibration
ตรงนี้หากรถเดินเครื่องด้วยระบบไฟฟ้าควรเปิดแอร์ไว้เพื่อให้ระบบเปลี่ยนกลับมาใช้น้ำมันก่อนครับ
หลังออโต้แล้ว ค่าตัวคูณที่ได้อยู่ในระดับดีทีเดียว
แต่การจูนรอบเดินเบาจะค่อนข้างมึนเล็กน้อยเพราะหากรถเปลี่ยนมาใช้ระบบไฟฟ้า ค่า T Inj. ของน้ำมันจะเป็น 0
เราจึงต้องคอยเพิ่มโหลดให้มันเปลี่ยนกลับมาใช้น้ำมันก่อนถึงจะดูค่าเวลาการฉีดแล้วมาปรับแก๊สให้เท่ากัน
สำรหับ Alphard ตัวนี้ OBD เป็น Protocol จากญี่ปุ่นจึงไม่สามารถใช้ Scanner ทั่วไปเสียบดูค่า Trim ได้
เลยต้องพึ่งโปรแกรม Techstream มาช่วยดึงค่าต่างๆในการช่วยจูนอีกครั้ง
ทั้งค่า STFT, LTFT, และ O2 Sensor แบบนี้การจูนก็ง่ายขึ้นไปอีกแยะครับ
นำรถออกวิ่งศึกษาการทำงานของระบบ Hybrid ก่อนจูนแก๊สแบบ Real time
ที่หน้าจอตรงกลางคอนโซลจะมีโหมดให้เลือกดูการทำงานของระบบ Hybrid
เราสามารถเลือกดูที่หน้า Energy Monitor เพื่อดูการเลือกสลับใช้น้ำมันและไฟฟ้า ณ ขณะที่รถวิ่งอยู่
จะมีแผนภูมิบอกการทำงานทั้งตัวเครื่องยนต์ (Engine) ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
แบตเตอรี่ (Battery) พร้อมปริมาณไฟที่เก็บสำรองไว้
มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อ (Motor) ที่มีทั้งตัวหน้าและตัวหลังเพราะรุ่นนี้สามารถเลือกขับเคลื่อน 4WD ได้
จากที่ดูการทำงานของระบบ Hybrid มีการสลับเปลี่ยนโหมดทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้
แบบที่ 1 หาก ณ ตอนนั้นรถยนต์ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
ก็จะมีแถบลูกศรชี้ออกจาก Engine ที่เดินเครื่องยนต์ส่งกำลังไปขับเคลื่อนให้ล้อหน้าหมุน
ในขณะเดียวกันก็จะส่งกำลังไปหมุน Front Motor เพื่อเก็บประจุไฟสำรองเข้า Battery
แบบที่ 2 หาก ณ ตอนนั้นรถยนต์เปลี่ยนใช้ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน
เครื่องยนต์ Engine จะหยุดทำงาน จอ Monitor แสดงแถบลูกศรชี้ออกจาก Battery ที่ส่งกระแสไฟฟ้าให้ Front Motor
เพื่อให้ Front Motor ส่งกำลังไปหมุนล้อหน้าของรถ
แบบที่ 3 หาก ณ ตอนนั้นรถยนต์เปลี่ยนใช้ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน 4WD
เครื่องยนต์ Engine จะหยุดทำงาน จอ Monitor แสดงแถบลูกศรชี้ออกจาก Battery ที่ส่งกระแสไฟฟ้าให้ทั้ง Front Motor และ Rear Motor
เพื่อให้ Motor ทั้ง 2 ตัวส่งกำลังไปหมุนล้อทั้งหน้าและหลังของรถ
แบบที่ 4 หาก ณ ตอนนั้นรถยนต์อยู่ในช่วงไม่ต้องการแรงขับเคลื่อน หรืออยู่ในช่วง Cut Off
เครื่องยนต์ Engine จะหยุดทำงาน และ Battery จะหยุดจ่ายกระแสไฟไปยัง Motor
จอ Monitor แสดงแถบลูกศรชี้ออกจากล้อรถทั้ง 4 ล้อที่ส่งแรงเฉื่อยของการหมุนล้อไปยัง Front Motor และ Rear Motor
เพื่อให้ Motor ทั้ง 2 ตัวปั่นกระแสไฟส่งกลับไปประจุใน Battery
ซึ่งช่วงที่เราจะสามารถใช้งานระบบแก๊สแทนน้ำมันได้จะมีช่วงเดียวคือ ช่วงที่รถใช้โหมด
แบบที่ 1 เท่านั้น
แต่ช่วงนี้แหละที่เราจะใช้มากที่สุดอยู่แล้วในการขับขี่
เพราะระบบไฟฟ้าจะไม่สามารถใช้ขณะที่ขับความเร็วสูงหรือขณะที่ประจุไฟใน Battery ต่ำกว่าระดับปลอดภัยครับ
ต่อกันเรื่องจูน...
หลังจากวิ่งเทียบค่า Trim ระหว่างน้ำมัน-แก๊ส กราฟหน้า 2D ออกมาถือว่าใกล้เคียงครับ
แต่หากช่วงไหนต้องการความละเอียดเพิ่มหรือเป็นช่วงคาบเกี่ยวโหลด ก็ไปจูนต่อในหน้า RPM Correction
กราฟหลังจากจูนแบบ 3 มิติออกมาแทบจะทับกันทุกโหลดครับ
ค่า Trim ที่วัดได้จากโปรแกรม Techstream ช่วง Close loop อยู่ราวๆ -5% ~ +5%
ส่วนช่วง Open loop ขึ้นแถวๆ 0.865v ~ 0.880v
ปรับจูนละเอียดแบบนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการสลับของระบบน้ำมัน-แก๊ส-ไฟฟ้า รถวิ่งดีไม่มีดับกลางอากาศ
และไม่ต้องกลัวเรื่องไฟ Engine หรือไฟ VSC จะโชว์แน่นอนครับ
ส่วนอัตราการบริโภคอาจจะจับยากหน่อยอยู่ที่ลักษณะการขับขี่ของแต่ละคน
หากวิ่งไม่เร็วก็ประหยัดได้มากเพราะเครื่องยนต์มีการสลับใช้ไฟฟ้าเข้ามาช่วยประหยัดได้
หากวิ่งเร็วหรือซิ่งมาก LPG ก็รับบทพระเอกแทนน้ำมันไปเต็มๆละครับ