admin
|
|
« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2008, 01:24:29 PM » |
|
ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ 9 ฉบับที่ 2395 ประจำวัน อังคาร ที่ 14 ตุลาคม 2008 กรุงเทพฯ : “วรรณรัตน์” วอนผู้ค้าน้ำมันหั่นค่าการตลาดจากปัจจุบันลิตรละ 3-5 บาท ให้เหลือ 1.20-1.50 บาท ยันเร่งปรับโครงสร้างแอลพีจีเป็น 2 ราคา ปตท. แจงค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งปีไม่ถึง 1 บาท โอดรับภาระแทนผู้บริโภคแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เรื่องเร่งด่วนที่จะดำเนินการคือ การดูแลค่าการตลาดน้ำมันอย่างใกล้ชิด หลังจากพบว่าปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันมีค่าการตลาดสูงผิดปรกติ เพื่อทำให้เกิดโครงสร้างราคาน้ำมันที่เป็นธรรมต่อประชาชน รวมทั้งเร่งผลักดันการใช้พลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ โดยเรื่องน้ำมันนั้นได้ย้ำว่าตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนเป็นต้นมาราคาในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ในเกณฑ์สูง 3-5 บาท/ลิตร โดยค่าการตลาดที่ 5 บาท มาจากน้ำมันเบนซิน 95 จึงขอให้ผู้ค้าน้ำมันลดราคาให้ค่าการตลาดอยู่ในเกณฑ์เหมาะสมที่ 1.20-1.50 บาท/ลิตร แม้ว่าค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้จะอยู่ในเกณฑ์ 1 บาท/ลิตรก็ตาม
ส่วนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ยืนยันว่าจะปรับโครงสร้างออกเป็น 2 ราคาโดยเร็วที่สุด ด้วยการปรับราคาภาคขนส่งและอุตสาหกรรมให้สะท้อนตลาดโลก แต่ราคาภาคครัวเรือนยังตรึงราคาตามมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาลจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2552 และให้ปรับเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซแอลพีจี รวมทั้งศึกษาการเพิ่มขีดความสามารถเกี่ยวกับระบบโลจิสติกส์ และเสริมความมั่นคงเพื่อป้องกันการขาดแคลนก๊าซหุงต้ม โดยปัจจุบันไทยมีสำรองก๊าซหุงต้มเพียง 0.5% ของการใช้ในประเทศ หรือประมาณ 2 วันเท่านั้น
นอกจากนี้ยังปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคม โดยปรับลดระดับสำรองการผลิตไฟฟ้าซึ่งอยู่ในปริมาณที่สูงกว่า 20% ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสากล รวมทั้งเร่งศึกษาโครงการไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าการตลาดหากดูวันต่อวันจะเห็นว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่หากเฉลี่ยทั้งปีไม่ถึง 1 บาท/ลิตร ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการปรับลดราคาน้ำมันมาโดยตลอด และในวันนี้ (14 ต.ค.) ได้ลดราคาเบนซิน 91 ลง 40 สตางค์/ลิตร ดีเซล 80 สตางค์/ลิตร และจะปรับอีกประมาณ 3 ครั้งภายในสัปดาห์นี้ คาดว่าเมื่อปรับลดลงอีก 2-3 รอบ ค่าการตลาดก็จะเข้าสู่ระดับปรกติที่ 1.50 บาท/ลิตร โดยตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมาผู้ค้าน้ำมันรับภาระขาดทุนมาโดยตลอด ซึ่งปีนี้ ปตท. รับภาระไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานควรเรียกเก็บเงินกองทุนน้ำมันและเชื้อเพลิงในช่วงราคาน้ำมันขาลงเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีเงินกองทุนนำมาใช้หากราคาผันผวนและสูงขึ้นอีกในอนาคต ในส่วนของการนำเข้าแอลพีจีนั้น ปตท. รับภาระไปแล้ว 6,000 ล้านบาท หากยอดนำเข้ายังสูง 80,000 ตัน/เดือน มูลค่านำเข้าที่ ปตท. รับภาระถึงสิ้นปีจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่ง ปตท. คงรับภาระมากกว่านี้ไม่ได้ จึงควรเร่งปรับโครงสร้างราคาโดยเร็ว
|