เห็นหลายอู่ Review งานติดตั้ง Prins อย่างเดียวโดยยังไม่มีการแนะนำโปรแกรมการปรับจูน
หลายท่านคงยังสงสัยว่าหน้าตาและระบบการทำงานของโปรแกรมมันทำงานยังไง
ที่เค้าโม้เอาไว้ว่าจูนครั้งเดียวตลอดการใช้งานนั้นจริงหรือไม่?
วันนี้เลยเอารถติดตั้ง Prins มา Mini Review ให้ดูเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจกันครับ
โดยรถที่เอามาทดสอบให้ดูคราวนี้คือ Honda City MC รหัสเครื่อง L15A i-vtec
ติดตั้งชุด Prins VSI standard หัวฉีด Keihin Blue
หม้อต้ม Prins ติดตั้งตำแหน่งให้ถูกต้องโดยควรติดตั้งให้โซลินอยด์อยู่ด้านข้างหรืออยู่ด้านบน
ตั้งแรงดันใช้งานอยู่ที่ 2.2 บาร์ โดยรถ N/A ไม่ต้องต่อท่อแวคคั่มเข้าหม้อต้ม
ตำแหน่งกรองแก๊สติดตั้งให้สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย
ความละเอียดของกรอง 3 ไมครอน
ตำแหน่งติดตั้งรางหัวฉีดและการเดินท่อแก๊ส
เลือกใช้หัวฉีดสีฟ้าเป็นสเปคเล็กที่สุดสำหรับเครื่องยนต์ 1,500 cc.
สัญญาณหัวฉีดไม่ต้องตัดต่อเพราะมีปลั๊กหัวฉีด OEM มาใช้ต่อ Bypass แทน
ตัดปัญหาเรื่องการ Short circuit และสามารถตรวจเช็คระบบได้ง่ายหากพบปัญหา
ไม่ต้องรื้อแกะสายไฟที่พันมาอย่างเรียบร้อยจากโรงงานให้เสียของ สายไฟไม่ช้ำ
สายไฟควรเก็บด้วยโปโลกันความร้อนและกันช็อตได้อย่างดี
จุดต่อขั้วลบแบตเตอรรี่เป็นจุดสำคัญอีกที่
หากกลัวว่าจะขันไม่แน่นหรือกลัวลืมต่อกลับเวลาเปลี่ยนแบตฯก็ต่อกับกับกราวด์ตัวถังจุดที่ใกล้แบตฯที่สุดก็ได้
ตำแหน่งสวิตซ์ Auto change และสวิตซ์ reset เกจ์น้ำมันสำหรับ Honda
ถังคันนี้ลูกค้าเลือกใช้แคปซูลขนาดเล็ก 36.5 ลิตร เพราะไม่อยากถ่วงท้ายมาก
ติดตั้งโดยยกสูงขึ้นเพื่อที่สามารถสอดแผ่นปูพื้นหรือถาดรองเข้าไปได้โดยไม่ต้องตัดบางส่วนให้เสียของ
งานขาถังแบบ Custom Made คือ ออกแบบตามขนาดถังและรุ่นรถนั้นๆเพื่อให้เข้ารูปและประหยัดพื้นที่มากที่สุด
เหล็กฉากเลือกขนาดหนา 4 มิลและขาถังออกแบบยึดโครงแชสซีรถเพิ่มความแข็งแรง
จุดยึดน็อตเจาะรูเดียวแบบไม่คว้านเพื่อการยึดที่มั่นคง
เสียเวลาทำหน่อยแต่งานออกมาแล้วปลอดภัย ใช้กันยาวๆยันขายรถ
มัลติวาล์วใช้ของคุณภาพสูงแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหา
โซลินอยด์ใช้ได้ 4 ปีขึ้นไปแน่ๆ
มาถึงหัวใจหลักของ Prins คือโปรแกรมการจูนที่ออกแบบมาไม่เหมือนใคร
เสียดายที่โปรแกรมถูกล็อคไว้สำหรับอู่ที่เป็น Dealer ของ Prins เท่าันั้น เจ้าของรถที่ชอบลองของก็เลยหมดสิทธิ์ครับ...
อย่างงี้แค่ดูแนวทางการ Set up ค่าที่สำคัญบางส่วนและจุดเด่นในการช่วยให้การจูนนั้น 'จูนแค่ครั้งเดียว'
มันเป็นไปได้หรือไม่? เพราะอะไร? ลองตามไปดูกันครับ
เริ่มแรกเข้าโปรแกรม Prins ต้องใช้สาย interface ของแท้ที่มีการลงทะเบียน online ไปที่ Prins สำนักงานใหญ่แล้วเท่านั้น
เมื่อเชื่อมต่อ ECU แก๊สได้แล้วก็ต้องมีการ Activate ECU ก่อนทุกครั้ง
ในช่อง Vehicle จะเป็นการตั้งค่าการใช้งานโดยรวม โดยโหมดหลักๆที่ต้องปรับตั้งก็มี
เลือก Bank 1 (4สูบ) หรือ 2 (6-8สูบ) ในส่วนการทำงานของ O2 Sensor และเลือก Cylinder ตามจำนวนสูบของรถ
เลือกตั้งค่าแรงดันการใช้งานที่ Idle_Psys (ค่ามาตรฐาน LPG ที่ 2.2 บาร์) และตั้งค่าแรงดันขั้นต่ำก่อนเปลี่ยนเป็นน้ำมันที่ Low_Psys
ค่า Temp_min ใช้เพื่อตั้งอุณหภูมิการเปลี่ยนใช้งานระบบแก๊ส และ Rpm_min เพื่อตั้งรอบเครื่องยนต์ที่ต้องการเปลี่ยน
ส่วนค่าอื่นๆสามารถใช้ค่ากลางจากโรงงานเลยก็ได้ครับ
ต่อมาในช่อง Sensor เพื่อเลือกตั้งค่าต่างๆให้ตรงกับความเป็นจริงขณะใช้งาน
จุดที่สำคัญคือ Rpm_fac เพื่อเลือกค่าตัวเลขให้วัดรอบออกมาตรงตามจริง
หากจุดนี้มี OBD Scanner สามารถเปิดเทียบค่า Rpm กับที่เราตั้งไว้ได้เลยครับ
ค่าอื่นๆใช้ค่าโรงงานได้ทั้ง Press_type ใช้ 0-4 bars ตัว MAP เลือก Disable เพราะเป็นรถ N/A ไม่ต้องใช้แวคคั่มมาดูดผ้าหม้อต้ม
ช่องที่สำคัญที่สุดคือ Mixture ที่ใช้ในการปรับแต่งการจ่ายเชื้อเพลิงในช่วง Close Loop
เริ่มด้วยการตั้งค่า System เพื่อเลือกการใช้ชนิดเชื้อเพลิง LPG หรือ CNG
ต่อด้วยการปรับค่ากราฟ RC_inj เป็น %
การจ่ายแก๊สตัวนี้จะใช้ปรับความชันของเส้นกราฟในช่วงที่เราขับแบบ Close Loop
และยังมีการปรับค่ากราฟ Off_inj อีกตัวเอาไว้ปรับกราฟแนวตั้งขนานเพื่อปรับช่วง Idle speed
การปรับ 2 ค่าให้สัมพันธ์กันดูแล้วเหมือนง่าย หลายท่านบอกว่า 'จูนแค่ RC_inj/Off_inj แล้วส่งรถได้เลย'
แต่พอจูนจริงๆก็ไม่หมูเลยครับที่จะปรับให้เส้นกราฟแก๊สมาทับน้ำมันได้สนิททุกโหลดโดยใช้ฟังชั่นแค่ 2 ตัวนี้
เพราะในโปรแกรม Prins ไม่มีเส้นกราฟน้ำมันและแก๊สให้เราดูเหมือนยี่ห้อ AC หรือ EG
ฉะนั้นจึงต้องอาศัยการจดจำค่าการจ่ายของน้ำมันทุกโหลดเอาไว้ก่อน
ไล่ตั้งแต่รอบเดินเบาจนไปถึง Open Loop เพื่อพล็อตกราฟขึ้นมาเอง (ในหัว)
สามารถใช้ OBD Scanner เป็นตัวช่วยเสียบดูค่า STFT และ LTFT แล้วค่อยเปลี่ยนมาใช้แก๊สเพื่อปรับค่าตามโหลดนั้นๆให้เท่ากับน้ำมัน
โดยเริ่มปรับที่ RC_inj แล้วค่อยมาปรับ Off_inj ในช่วงรอบเดินเบา หรือจะปรับ Off_inj ก่อนก็ได้แล้วแต่ความถนัดของช่าง
สำคัญที่สุดคือต้องนำรถออกวิ่งจูนเพื่อเก็บค่าทุกโหลดของการจ่ายเชื้อเพลิงครับ
สำหรับผมใช้วิธีวิ่งน้ำมันทุกโหลดแล้วจดค่าลงกระดาษก่อน ที่เหลือก็วิ่งด้วยแก๊สและปรับกราฟให้ได้ตาม load น้ำมัน
ตามรูปค่า STFT/LTFT ของ City จะค่อนไปทางติดบวก
หากเราไปจูนให้ค่าใกล้ 0% ก็จะทำให้รถกินแก๊สเกินความจำเป็น ฉะนั้นควรปรับให้เท่ากับน้ำมันจะดีที่สุดครับ
หลังวิ่งปรับจูนได้ทุกโหลดค่า RC_inj ที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 105-150%
ถ้ามากกว่าแสดงว่าหัวฉีดเล็กไป ถ้าน้อยกว่าแสดงว่าหัวฉีดใหญ่ไปครับ (CNG อาจสูงได้มากกว่า 150%)
ส่วนค่าการปรับตัวอื่นๆจะเป็นตัวช่วยเพิ่มเติมสำหรับรถที่มีการจ่ายแบบพิเศษ
เช่น Double_mix ใช้หน่วงเวลาการตัดต่อเชิ้อเพลิงน้ำมัน-แก๊สกรณีท่อยาวมากๆได้
หรือ AFCO ใช้ปรับเพิ่ม-ลดแก๊สในช่วงเวลาถอนคันเร่งแล้วเหยียบซ้ำ
หรือ Ti_min ปรับการอ่านเวลาฉีดที่ต่ำที่สุดได้ถึง 0 ms สำหรับ Honda บางรุ่น
ส่วนตัวอื่นที่ไม่ได้กล่าวไว้มักไม่ได้ใช้จึงละเป็นค่าโรงงานไว้ครับ
ช่องสุดท้ายอีกโหมดที่สำคัญคือ Open Loop
ซึ่งสามารถปรับลดแก๊สช่วงปลายกราฟเพื่อลดปริมาณแก๊สที่อาจจะฉีดออกมามากเกินไปได้
จุดสำคัญในการปรับช่วง Open Loop คือค่า Ti_max_fac จะเป็นตัวกำหนดช่วงเวลา limit การฉีดแก๊ส
โดยช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่รถเปลี่ยนการจ่ายเชื้อเพลิงจาก Close Loop ไปเป็น Open Loop
เราสามารถดูได้จาก Status บนหน้า OBD Scanner
*รถแต่ละรุ่นช่วงการเปลี่ยนจะไม่เท่ากันนะครับ*
ยิ่งเป็นรถรุ่นใหม่ๆบางรุ่นเหยียบกันยัน 11-12 ms ยังไม่เปลี่ยนเป็น Open Loop ก็มี
ส่วนค่า Ti_max_rpm ถ้าเลือก Look up สามารถกดดูค่า Correction table ต่อได้
ซึ่งจะมีโหมดให้ปรับ Compensation การชดเชยแก๊สได้อีก คือ
ECT_cor ใช้ปรับเพื่อชดเชยการฉีดแก๊สตามอุณหภูมิหม้อน้ำ (Coolant Temp)
Psys_cor ใช้ปรับเพื่อชดเชยการฉีดแก๊สตามแรงดันหม้อต้ม (Gas Pressure)
และ Ti_max ใช้ปรับร่วมกับ Ti_max_fac เพื่อจำกัดการฉีดแก๊สในช่วง Open Loop ไม่ให้หนาจนเกินไป
ส่วนค่า Lamb_min, Lamb_max หากไม่ได้ต่อสายสัญญาณ O2 Sensor ก็ไม่ต้องไปปรับค่าอะไรครับ
ค่าการจ่ายของ City คันนี้ปรับช่วง Ti_max_fac อยู่ที่ 12 ms
และปรับค่า Ti_max-rpm ช่วง 4000-6000 รอบอีกนิดหน่อยเพื่อจำกัดการฉีดแก๊สช่วงปลายรอบ
ทดสอบช่วง Open Loop ค่าเทียบเท่ากับตอนวิ่งด้วยน้ำมันอยู่ที่ 0.860-0.865V. เมื่อดูจากค่า O2 Sensor
ตอนนี้ให้ลูกค้านำไปขับทดสอบในช่วง Run-in ก่อนกลับมาตรวจเช็คค่าเบี่ยงเบนอีกครั้งครับ
สรุป โปรแกรมของ Prins ลูกเล่นในการจูนถือว่าครบเครื่องใช้ได้เลยครับ
แต่ต้องอาศัยความชำนาญและความละเอียดของจูนเนอร์เป็นอย่างมากถึงจะดึงประสิทธิภาพการทำงานออกมาได้สูงสุด
ยิ่งสามารถปรับค่าในโหมดต่างๆได้ถูกต้องมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มความเสถียรในการใช้งานได้มากเท่านั้น
จูนละเอียดแค่ครั้งเดียวก็วิ่งกันยันขายรถได้เลย เหลือแค่เปลี่ยนไส้กรองแก๊สตามระยะเท่านั้น
และแม้จะดึงมาใช้ได้ไม่ครบทั้งหมด ระบบก็ยังสามารถทำงานได้ดีเช่นกันครับ
ถือเป็นอีกยี่ห้อที่ราคาไม่เว่อร์เกินคุณภาพสินค้าแน่นอนครับ