ส่วน เรื่อง ท่อแก๊ส เดินจาก ถัง มายัง หม้อต้ม ระหว่าง ใช้ ท่อ 8 mm. ตาม สเป็ค หม้อต้ม หรือ การใช้ ท่อ 6 mm. นั้น ผลต่างตรงจุดนี้ หาจุดต่างได้ไม่ชัดเจน ครับ หรือ แทบจะบอกได้ว่า ไม่ต่างกันเลย
ผมมีรถลูกค้าอยู่คัน หนึ่ง ติดตั้งแก๊ส ไป ช่วงแรก ใช้ ชุด standard ac 200 หม้อต้ม zavali zeta-n รางหัวฉีด valtek 3 โอห์ม ถังแก๊สขนาด 96 lite วางบนกระบะ และ เดินท่อใต้ท้องขนาด 6 mm.
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/question.asp?page=1&id=2380ใช้งานไประยะหนึ่ง ลูกค้า บอกหม้อต้มเดิมไม่พอ เลยปรับเปลี่ยน หม้อต้ม zavali ออก แล้วติดตั้งใหม่ เป็นหม้อต้ม KME GOlD
ท่อทองแดงใต้ท้อง ยังเป็น ท่อทองแดงขนาดเดิม ขนาด 6mm. มาถึงติกแก๊สด้านหน้า ออกจาก ติกแก๊ส เข้าหม้อต้ม เป็นท่อขนาด 8 mm.ความยาวช่วงนี้ประมาณ 40 cm. ได้
ระบบก็ยังใช้งานได้ปกติ ไม่มีปัญหาในการทำงานของหม้อต้มแต่อย่างใด
หลังจากนั้น ลูกค้าก็นำรถยนต์คันนี้ ไปติดตั้งเทอร์โบเพิ่ม แรงม้าเพิ่มขึ้น มากกว่าอีก ท่อทองแดงใต้ท้องที่ใช้อยู่ ทุกวัน นี้ ก็ยังเป็นขนาดเดิม คือ 6 mm. ไม่ได้ ปรับเปลี่ยนใหม่ แต่อย่างใด การปรับจูน การทำงาน การจ่ายแก๊ส ทุกอย่าง ก็ทำงานได้ดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า ใช้ หม้อต้ม kme gold ซึ่งตัว หม้อต้ม ระบุ สเป็คมาว่า ต้องเป็นท่อทองแดง ขนาด 8 mm. นะ ไม่นั้น หม้อต้ม ทำงานไม่ได้ จ่ายไม่พอ ไม่น่าจะจริง ครับ
เพราะ จริงๆ แก๊ส ที่ไหล จากถัง มาถังหม้อต้ม มีลักษณะเป็น น้ำแก๊ส ไหลมายังหม้อต้ม แล้วเริ่มการขยายตัวเป็นไอแก๊ส มีปริมาณการขยายตัวที่หลายเท่าของ ปริมาตรเดิม ดังนั้น เรื่องขนาด ท่อน้ำแก๊ส ที่เดินจากถัง มายังหม้อต้ม เป็นเรื่องรอง
เรื่องหลักคือ ประสิทธิภาพของหม้อต้มเอง หากหม้อต้ม ประสิทธิภาพสูง ท่อขนาดไหน ก็จ่ายแก๊สให้กับเครื่องยนต์ได้เพียงพอแน่นอน
แต่ ท่อแก๊สที่จ่ายแก๊ส ออกจากตัวหม้อต้ม ระหว่างจ่ายออกรูเดียว กับ จ่ายออกหลายรู สิ่งที่ต่างกัน ก็คือ หลายรูหลายจ่ายได้ ปริมาตร เยาะกว่า รูเดียวแน่นอน โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้แรงดันสูงเข้าช่วยเลย