ยังคงเข้ามารับบัตรคิวรอแก้งานกันอยู่เรื่อยๆครับสำหรับงานแก้ไขระบบแก๊ส
คิวถัดมาของเราคราวนี้เป็น Toyota Altis 1.8 ติดตั้งชุดหัวฉีด AG Zenit มาอีกแล้ว
รู้สึกว่าหัวฉีดยี่ห้อนี้นี่จะติด Top 3 จำนวนรถเข้ามาแก้งานเยอะที่สุดเลยนะเนี่ย...
ก็ไม่เข้าใจว่าอู่ที่ติดกันทั้งหลายนี่ซื้อผ่านยี่ปั๊วมาโดยไม่มีการฝึกการเทรนเลยหรือเปล่า
ลูกค้าแจ้งอาการทั้งหมดมาดังนี้
1.วิ่งด้วยแก๊สแต่น้ำมันในถังหายเยอะมาก
2.เหยียบคันเร่งแล้ววิ่งไม่ไปเหมือนสำลัก จังหวะออกตัวเหยียบแล้วหน่วงนานกว่าจะพุ่ง
3.สวิตซ์แก๊สบอกระดับไม่ตรงตามจริง
4.ระบบน้ำมันไม่นิ่ง
5.วิ่งนานๆหม้อต้มเย็น มีน้ำแข็งเกาะ
สาเหตุมาจากอะไรลองไปไล่ดูกันครับ
เปิดฝากระโปรงมางงอย่างแรงเลย... Altis ท่อร่วมไอดีจะอยู่ด้านหน้ารถ
พี่ท่านเล่นยึดรางหัวฉีดไว้ด้านหลังเหนือ Header ท่อไอเสียเฉยเลย...
มองไกลๆนึกว่าสะพานข้ามแม่น้ำแควครับ ท่อแก๊สยาวร่วม 2 ฟุตได้... ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากสำนักไหนเนี่ย...
แถมรางหัวฉีดวางอยู่ใต้ท่อแอร์ เวลาเปิดแอร์น้ำจากท่อก็ไหลลงไปโดนหัวฉีดและปลั๊กจนเปียกแฉะไปหมด
Map Sensor ก็ใช้เคเบิ้ลไทร์ผูกติดไว้กับท่ออีกเช่นกัน แบบนี้ไม่นานได้เปลี่ยนใหม่แน่ๆ
ตำแหน่งยึดกรองแก๊สและหม้อต้ม คันนี้ใช้หม้อของ Zavoli ครับ
กรองแก๊สติดตั้งไว้ด้านบนเปลือยหัวเสียบไว้แบบนี้เสี่ยงครับ เพราะขั้วไฟบวกอาจช็อตกับกราวด์ตัวถังได้ครับ
ข้อต่อสามทางสำหรับแวคคั่มใช้พลาสติกมา แนะนำให้เปลี่ยนเป็นทองเหลืองครับเพราะพลาสติกใช้ได้ไม่นานมีโอกาสหัก/รั่วได้
สวิตซ์แก๊สผ่านการกดมามากเกินไปรึเปล่าเนี่ย...
ปกติระบบมันก็เป็น Auto อยู่แล้วไม่น่ากดซะเยินขนาดนี้นะ...
ลูกค้าบอกยังไม่ต้องเปลี่ยนใหม่เพราะมันยังกดใช้ได้อยู่
มาดูงานติดตั้งถังต่อครับ
ยึดขาถังกับแชสซีรถแบบนี้มั่นคงแข็งแรงตัวถังไม่ฉีกครับ
มัลติวาล์วไม่ทราบได้ว่ายี่ห้ออะไร ผลิตที่ไหนเพราะปั้มโลโก้มาบางเหลือเกิน แต่ดูแล้วรูปทรงเหมือน Tomasetto แต่งานหยาบกว่าเยอะ
ลองเช็คเกจ์ที่วาล์วด้วยมัลติมิเตอร์ ปรากฎว่าไม่มีค่าความต้านทานขยับเลย แบบนี้เปลี่ยนตัวใหม่ได้
ลองเปิดโปรแกรม AG ดู Map ที่จูนก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้ครับ Auto tune แล้วปรับยกกราฟช่วงต้นมานิดเดียว
แต่มีจุดผิดสังเกตคือ ค่า Petrol Time ของแก๊สออกมาหนากว่าน้ำมันทั้งที่กราฟยกขึ้นนิดเดียว
เทียบค่าตอนใช้น้ำมันไม่มีโหลดครับ แบบนี้น่าจะมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง
เห็นลูกค้าบอกว่าวิ่งแก๊สแล้วน้ำมันหายด้วย เลยทดสอบด้วยการดึงปลั๊กหัวฉีดน้ำมันสูบ 1 ออก
ผลคือเครื่องมีอาการสั่นทันที อ้าว... แบบนี้ก็แสดงว่าน้ำมันโดนฉีดเข้าไปด้วยละสิเนี่ย...
สุดท้ายจึงต้องแกะสายไฟตรวจเช็คใหม่ทุกจุดโดยเฉพาะการตัดต่อสัญญาณหัวฉีด
ซึ่งก็พบว่าสายไฟทุกเส้นตัดต่อถูกต้องทั้งหมด แต่ทำไมน้ำมันยังฉีด?!
เลยทดสอบด้วยการใช้กล่องตัดปั๊มติ๊กน้ำมันดู
หลังจากปั๊มตัดการทำงานสักครู่ค่า Petrol Time ของแก๊สค่อยๆเพิ่มขึ้นทันที แบบนี้แสดงว่าหัวฉีดน้ำมันปิดไม่สนิทครับ
ทำให้มีน้ำมันหลุดเข้าไปเผาไหม้ร่วมกับแก๊ส หากไม่ตัดปั๊ม น้ำมันก็หมดถังแบบไม่รู้ตัวได้ครับ
แต่โปรแกรม AG ไม่มี function ตัดปั๊มติ๊กทำให้เราต้องใช้กล่องตัดปั๊มแบบที่มีหน่วงเวลาเพื่อเครื่องจะได้ไม่ดับ
มาดูงานที่แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ
จับย้ายรางหัวฉีดมาไว้ด้านหน้าอย่างที่มันควรจะเป็นเพื่อท่อแก๊สจะได้สั้นลง Nozzle หัวฉีดเจาะมา 2.4 มิลค่อนใหญ่ไปนิดแต่ก็พอใช้ได้
หุ้มสายไฟด้วยโปโลและปุ๊กปิ๊กให้ทุกจุดเช่นเคย ฟิวส์อัพเป็น 15 แอมป์จากของเดิมใช้แค่ 5 แอมป์น้อยไปหน่อย
กรองแก๊สเปลี่ยนให้ใหม่ทั้ง 2 จุด
ส่วนหน้าทุกอย่างเรียบร้อยก็เริ่ม Auto tune แต่รอร่วม 10 นาที ความร้อนก็ยังไม่ได้ที่ซะที...
ลองไปไล่ดูที่หม้อต้มก็พบว่าน้ำหล่อเย็นไม่วนเข้าหม้อเพราะไล่ลมในระบบหล่อเย็นไม่หมด
ต้องถอดท่อน้ำเพื่อเร่งเครื่องดันลมออกแล้วใส่ท่อกลับ คราวนี้ชักมือออกจากหม้อแทบไม่ทันเลยครับ ร้อนฉ่า...
หลัง Auto tune เสร็จโปรแกรมแจ้งว่า Nozzle ค่อนใหญ่นิดนึง
เข้าหน้ากราฟเพื่อจัดเรียงจุดอรหันต์ทั้ง 5 ให้เข้าตามโหลดที่ต้องการ พร้อมเปิด OBD II Scanner เพื่อดูค่า STFT
พอกดเข้าหน้าเช็ค DTC กลับพบ Code แจ้งเตือนว่า System too Rich
ซึ่ง Code นี้ถ้าระบบจับได้ ไฟ Engine ต้องโชว์บนหน้าเรือนไมล์ แต่คันนี้ไฟกลับไม่โชว์...?!
สงสัยงานนี้มีการวางยามาครับ ชักตะหงิดๆใจ... แบบนี้ต้องทดสอบไฟ Engine ครับว่าช่าง (แมร่ง) มีการแอบถอดหลอดออกรึเปล่่า
ด้วยการลองดับเครื่องยนต์และบิดสวิตซ์กุญแจมาที่ ON แล้วสังเกตที่เรือนไมล์ดู...
ปรากฎว่าไฟ Engine ติดขึ้นมาครับ พอสตาร์ทรถติดเครื่องแล้วไฟมันก็ดับปกติ... เอาละสิ...
หรือว่า Code P0172 มันโชว์ Pending ไว้ดูอีกทีก็ไม่ใช่... แล้วทำไมไฟไม่โชว์หว่า...?
ทดสอบอีกครั้งคราวนี้หาปลั๊ก Sensor ตรงหน้าเครื่องสักตัวแล้วลองดึงปลั๊กออก ทิ้งไว้สักครู่ดูสิว่าไฟมันจะโชว์มั้ย...
ชะอุ๊ย... มันไม่โชว์คร้าบบบบ!!
Code P0110 เป็น Sensor วัดอุณหภูมิอากาศ ยังไงตัวนี้ไฟ Engine ต้องโชว์แน่ๆ แต่กลับไม่ขึ้นมาซะงั้น
ฟันธงได้เลยครับว่าช่าง (แมร่ง) โครตเนียนตัดขั้วไฟ Engine เดิมออก
แล้วเอาไปต่อพ่วงเข้ากับไฟเตือนระดับน้ำมันเครื่องแทน!! 7เข้เอ๊ย... ไม่ธรรมดาจริงๆ...
ปกติที่พบบ่อยๆช่างพวกนี้มักชอบถอดหลอดไฟออก แต่คราวนี้มันมีพัฒนาการไปอีกขั้นแล้วครับ...
หากใครตามไม่ทันหรือว่าไม่รู้เรื่องระบบรถยนต์นี่โดนไปเต็มๆอย่างเช่นลูกค้าท่านนี้ครับ
ผมถ่ายรูปแบบเทียบให้ดูหน้าจอ Notebook กับเรือนไมล์เลยครับว่าไฟที่เรือนไมล์ไม่โชว์จริงๆ...
หลอกคนได้ แต่หลอก Scanner ไม่ได้หรอกเฟ้ย
มาว่าต่อเรื่องการจูนที่ยังไม่จบง่ายๆ
หลังจัดแนวจุดอรหันต์ทั้ง 5 และปรับลดแรงดันแก๊สลงมาที่ 1.2 บาร์เรียบร้อย
กลับพบว่าค่าแก๊สที่จูนเทียบจากน้ำมันเมื่อมาเช็คด้วย OBD II Scanner ค่า STFT ออกมาสวิงมาก
+7% ถึง +15% ที่รอบสูง และ -10% ถึง -13% ที่รอบต่ำทั้งน้ำมันและแก๊ส
ตรงนี้สาเหตุน่าจะเป็นที่หัวฉีดน้ำมันมีปัญหายกค้างหรือรั่ว ทำให้ค่าการฉีดน้ำมันไม่เสถียร พอดึงกราฟแก๊สตามเลยทำให้ค่าเพี้ยนไปด้วย
แบบนี้ต้องใช้วิธีการจูนแบบไม่ดูน้ค่าำมันครับ แต่ใช้ค่า STFT เป็นค่าหลักในการจูนเทียบไปเลย
ไล่จูนใหม่ตั้งแต่ไม่มีโหลดโดยใช้กราฟเดิมแต่คราวนี้หน้าตามันอาจจะออกมาดูแปลกตาไปสักหน่อย
เทียบให้ค่า Trim ใกล้ 0% ไปเลยครับเพราะ Toyota ค่าโรงงานใช้มาตรฐานนี้อยู่แล้ว
ช่วง Close Loop ก็เช่นกันครับ วิ่งแก๊สล้วนๆไปเลยไม่ต้องกลัวน้ำมันจะรั่วมาแจมเพราะเราใช้กล่องตอนปั๊มติ๊กไปแล้ว
หากจูนได้เนียน ค่า LTFT จากที่ติดลบจะลดลงไปเองครับ
ช่วง Open Loop ลองเทสด้วยน้ำมัน ค่าก็ยังคงออกมาบางครับ 0.755v ต่ำกว่ามาตรฐานพอดู
แบบนี้วิ่งน้ำมันบ่อยๆไม่ได้แน่เพราะไฟ Engine จะโชว์เอา และวาล์วไอดีไอเสียจะไปไวครับ
เปลี่ยนมาใช้แก๊สแล้วกดให้จมแป้นเลยครับ
ค่าบนกราฟช่วงไหนยกไม่พอก็มาเติมเอาที่หน้า Advanced
มาสุดที่ราวๆ 0.83v ค่อยยังชั่วหน่อย...
สรุป อาการที่แจ้งมาแก้ไขได้หมดครับหลังจากย้ายรางหัวฉีด เปลี่ยนไส้กรอง ตัดปั๊มน้ำมัน ไล่ลมหม้อน้ำและวิ่งจูน
เหลือแค่ระบบน้ำมันที่ต้องกลับตรวจเช็คหัวฉีดน้ำมันเพื่อให้กลับมาใช้ได้ปกติ
ส่วนเรื่องไฟ Engine หาย... ก็คงต้องให้ลูกค้ากลับไปเช็คบิลกับอู่เก่าเอาเองนะ...
จัดมาให้ซะเยอะแบบนี้... เดี๋ยวพี่ท่านได้เจองานเข้าเร็วๆนี้ละ...