หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
หน้าหลัก
|
หน้าแรก
|
ค้นหาร้านติดแก๊ส
|
ค้นหาผู้จำหน่ายอุปกรณ์แก๊ส
|
ปั้มแก๊ส
|
โปรแกรมจูนแก๊ส
|
สถานการณ์น้ำมัน
|
รถมือสอง
|
คลิปวีดีโอ
ไอเว็บแก๊ส
>
ชุมชนคนใช้แก๊ส LPG (แอลพีจี) - NGV/CNG เชิญห้องสนทนานี้
>
บอร์ดกลาง Gas LPG-NGV และสาระความรู้
> หัวข้อ:
"พลังงานทางเลือก" จะไปทางไหน ? เมื่อราคาน้ำมันไม่ใช่ปัญหา"
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
"พลังงานทางเลือก" จะไปทางไหน ? เมื่อราคาน้ำมันไม่ใช่ปัญหา"
เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2008, 01:47:27 PM
admin
Administrator
Hero Member
ออฟไลน์
กระทู้: 419
"พลังงานทางเลือก" จะไปทางไหน ? เมื่อราคาน้ำมันไม่ใช่ปัญหา"
«
เมื่อ:
พฤศจิกายน 28, 2008, 01:47:27 PM »
"พลังงานทางเลือก" จะไปทางไหน ? เมื่อราคาน้ำมันไม่ใช่ปัญหา"
หากจะมองย้อนกลับไปเมื่อช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตทางด้านพลังาน โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในรอบหลาย 10 ปี ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์เจอวิกฤตครั้งใหญ่จากความ ตื่นตระหนกตกใจของผู้บริโภค ทำให้ยอดขายรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมาหดตัวลง
กลุ่มรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงหลักอย่าง รถปิกอัพขนาด 1 ตัน ยอดตกวูบลงทันที ส่วนรถที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กและสามารถเลือกใช้พลังงานทางเลือกกลับกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเข้ามาแทนที่ เห็นได้จากความตื่นตัวของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ ที่พยายามนำเสนอรถยนต์ทางเลือกที่เน้นเครื่องยนต์ขนาดเล็กและเครื่องยนต์ที่สามารถรองรับการใช้พลังงานทางเลือกได้หลายรูปแบบ
ชูพลังงานหลากหลาย
เริ่มกันตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมากับนโยบายการสนับสนุนการใช้น้ำมันผสมแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากขึ้น หรืออี 20 จากนั้นได้มีการจุดประกายเพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์และผู้ผลิตรถยนต์เตรียมตัวเพื่อตอบรับกับนโยบายเร่งด่วน สำหรับการผลักดัน อี 85 ให้เกิดขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดของอัตราภาษีระหว่างอี 85 และอี 20 ที่ไม่แตกต่างกัน ทำให้โครงการรถยนต์ อี 85 ไม่เดินหน้าไปเท่าที่ควร
แต่รถยนต์ประหยัดพลังงานที่ดูจะประสบความสำเร็จและกลายเป็นพลังงานทางเลือกอย่างแท้จริงน่าจะเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงอย่างซีเอ็นจี หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า เอ็นจีวี
จากแรงโปรโมตและการสนับสนุนส่งเสริมจากภาครัฐและ ปตท. ส่งผลมีรถยนต์ "เอ็นจีวี" ออกมาวิ่งให้เห็นมากขึ้น
รวมถึงแรงตอบรับของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น เชฟโรเลต มิตซูบิชิ ฮุนได โตโยต้า และ ทาทา ที่ส่งรถซีเอ็นจีออกมาเป็นทางเลือกอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันได้เปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยถีบตัวขึ้นไปสูงกว่า 40 บาทต่อลิตร ปรับลดลงมาอยู่ที่ลิตรละ 20 กว่าบาท ทำให้เกิดคำถามถึงแนวโน้มของรถพลังงานทางเลือกว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เมื่อราคาน้ำมันไม่ได้เเพงอย่างที่คิด
ค่ายรถยังเดินหน้าซีเอ็นจี
แต่ไม่ว่าตัวแปรมากน้อยแค่ไหน ค่ายรถส่วนใหญ่ก็ยังจับประเด็นว่า ซีเอ็นจีสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากสุด และค่ายรถรายแรกที่ออกมาแสดงจุดยืนและเดินหน้านำเสนอรถยนต์เอ็นจีวีออกสู่ตลาดอย่างเต็มภาคภูมิก็คือ บริษัท เชฟโรเลตเซลส์ ประเทศไทย จำกัด ที่ส่งรถยนต์นั่งขนาดกลาง ออพตร้า ซีเอ็นจี ออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นการผลิตจากโรงงานโดยตรง ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก
ตามมาด้วย บริษัท ฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ หลังจากตัดสินใจกลับเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง ก็ขอเกาะกระแสพลังงานทางเลือกด้วยการส่งโซนาต้า ซีเอ็นจี ทำตลาด จากเดิมในช่วงแรกที่ขายได้เฉลี่ยเดือนละ 100 คัน แต่วันนี้ยอดการจำหน่ายก็ได้ลดลงไปอยู่ในหลัก 10 เท่านั้น ทำให้ฮุนไดต้องหามาปรับแผนการตลาด โดยหันไปชี้ให้เห็นถึงความคุ้มค่า ความประหยัดในระยะยาว ที่น่าจะมีส่วนช่วยประกอบการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้มากขึ้น
ล่าสุด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ตัดสินใจส่งรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี ออกสู่ตลาดเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง แต่แลนเซอร์ ซีเอ็นจี ฟาดยอดขายไปแล้วกว่า 50 คัน
เช่นเดียวกับค่ายรถยนต์น้องใหม่อย่างทาทา ที่เตรียมเปิดตัวรถปิกอัพซีนอนซีเอ็นจี เโดยชูจุดเด่นที่ใช้ระบบซีเอ็นจี 100% ไม่ใช่ระบบร่วมกับน้ำมันดีเซลและติดตั้งถังก๊าซระหว่างแชสซีกับพื้นกระบะ โดยเป็นรถปิกอัพซีเอ็นจีรุ่นแรกที่ผลิตออกมาจากโรงงานผลิตโดยตรง
แรงหนุนจากโรดแมปพลังงาน
เมื่อจำนวนของรถยนต์ที่ใช้เอ็นจีวีมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง คำถามสำคัญที่ตามมาคือ ปัญหาเรื่องความเพียงพอของจำนวนสถานีบริการนั้น กระทรวงพลังงาน ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบด้านพลังงานทั้งหมดของประเทศ ได้ออกมาตั้งรับกับสถานการณ์ที่ต้องเร่งขยายสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีให้เพียงพอ ประสานกับบริษัท ปตท.อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งเป้าหมายการใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพื่อทดแทนการใช้น้ำมันในภาคขนส่งให้ได้ 20% ภายในปี 2555 โดยจะเพิ่มการใช้ ก๊าซเอ็นจีวีจากปัจจุบันที่ 1,670 ตัน/วัน ให้เพิ่มเป็น 12,220 ตัน/วัน ภายในปี 2555 และเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ กระทรวงพลังงานได้จัดทำโรดแมปแผนดำเนินงานครอบคลุมปี 2551-2555
สำหรับการขยายสถานีบริการเอ็นจีวีให้ครบทุกจังหวัดภายในปี 2552 จากปัจจุบัน มีจังหวัดที่มีสถานีบริการเอ็นจีวีเแล้ว 45 จังหวัด และมีการขยายเพิ่มทั้งสถานีแม่ และสถานีแนวท่อขนานกันไปตามแผน และจะทยอยเปิดสถานีรองรับกับความต้องการที่มีอยู่เดิม
ข้อมูลล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2551 มีสถานีบริการก๊าซเอ็นจีแล้ว 200 สถานี สิ้นปี 2551 นี้จะขยายเพิ่มเป็น 355 สถานี และกำหนดเป้าหมายอีก 5 ปี หรือภายใน ปี 2555 จะมีสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีรวมทั้งสิ้นถึง 740 สถานี
วันนี้คำถามเรื่องแนวโน้มและทิศทางของพลังงานทดแทน ประเทศไทยจะเดินไปในทิศทางใด โดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกอย่างซีเอ็นจีจะยังคงได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคต่อไปมากน้อยแค่ไหน เมื่อราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลดลง รวมถึงราคาก๊าซแอลพีจีพร้อมจะขยับขึ้นอีก 6 บาท คงเป็นเรื่องที่น่าจับตาไม่น้อยในยุคที่ทุกคนต้องพึงพาพลังงานทางเลือกนอกเหนือจากน้ำมัน
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4057
main_01.jpg
(12.92 KB, 205x77 - ดู 564 ครั้ง.)
index.jpg
(81.1 KB, 625x635 - ดู 628 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
ชุมชนคนใช้แก๊ส LPG (แอลพีจี) - NGV/CNG เชิญห้องสนทนานี้
-----------------------------
=> บอร์ดกลาง Gas LPG-NGV และสาระความรู้
===> กลุ่มผู้ใช้ AC Autogas
===> กลุ่มผู้ใช้ Europegas
===> AG Gas Thailand / GT Autogas Thailand
===> กลุ่มผู้ใช้ Fobos
===> กลุ่มผู้ใช้ Autronic/Easy Jet/Autogas Vento
=> บอร์ดซื้อขาย อุปกรณ์แก๊สรถยนต์ อะไหล่ยนต์
=> ชุมชน คนใช้รถไฟฟ้า EV
=> ห้องนั่งเล่น พูดคุยเรื่องทั่วไป (ห้ามขายสินค้า)
=> ห้องคนรักสุขภาพ Healthy
ค้นหาข้อมูลใน iwebgas
www.Stats.in.th
Powered by SMF 1.1.20
|
SMF © 2006-2008, Simple Machines
|
Thai language by ThaiSMF
Web 2.0 Design by
HTWorks
| Ported to SMF by
BrKn*
|
|
กำลังโหลด...