admin
|
|
« เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2008, 11:14:18 PM » |
|
"นายเมตตา"เผย ปรับราคาก๊าซหุงต้มภาคขนส่ง อาจไม่ถึง 6 บาทต่อกิโลกรัม ตามมติ กพช. โดยกบง.อาจทบทวนใหม่ จะรอดูแนวโน้มราคาก๊าซแอลพีจีและราคาน้ำมันในเดือนธันวาคม ที่อาจปรับลดลงอีก ชี้หากราคาแอลพีจีปรับเข้าใกล้ราคาควบคุม 332 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน มีโอกาสที่รัฐบาลตัดสินใจปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้ม
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางปรับราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 6 บาทต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 3 บาทต่อลิตร โดยให้ทยอยปรับขึ้นเดือนละ 2 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 1 บาทต่อลิตร ส่วนการจะประกาศใช้จะมีผลเมื่อใดนั้น กพช.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานไปพิจารณาระยะเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่งนั้น
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ดังกล่าว คาดว่าการปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นไป น่าจะดำเนินการประมาณต้นเดือนธันวาคม 2551 เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าทางกบง.อาจจะรอดูสถานการณ์ราคาก๊าซหุงต้มใน เดือนธันวาคมว่าจะมีการปรับลดลงอีกหรือไม่ เพื่อที่จะนำมาพิจารณาการปรับราคาใหม่ ไม่ให้กระทบกับผู้ใช้ก๊าซหุงต้มมากเกินไป หรืออาจจะปรับราคาขึ้นไม่ถึง 6 บาทต่อกิโลกรัมก็เป็นได้
เนื่องจากฐานการอิงการปรับราคาครั้งนี้ อยู่บนพื้นฐานที่ราคาน้ำมันประมาณ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และอิงราคาก๊าซหุงต้มอยู่ที่ 650 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน แต่เวลานี้ราคาก๊าซหุงต้มในตลาดโลกในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวมาอยู่ที่ 490 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน จากเดือนก่อนเคยอยู่ที่ 798 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เมื่อราคาน้ำมันปรับลดลง ประกอบกับมีการประเมินว่าราคาก๊าซหุงต้มในเดือนธันวาคมน่าจะปรับตัวลดลงอีก
อันเนื่องมาจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลาสติกที่ใช้ก๊าซหุงต้มเป็นวัตถุดิบ ในการผลิต อยู่ในช่วงขาลง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ปริมาณความต้องการก๊าซหุงต้มของโลกลดลง จะเห็นได้จากปริมาณความต้องการใช้ก๊าซหุงต้มในกลุ่มปิโตรเคมีในประเทศไทย จากเดิมที่เคยในอยู่ในระดับประมาณ 80,000-90,000 ตันต่อเดือน ในเดือนพฤศจิกายนนี้มีความต้องการเพียง 30,000 ตันต่อเดือน และในเดือนธันวาคม 50,000 ตันต่อเดือนเท่านั้น จากปัจจัยดังกล่าวจึงมีการประเมินว่าราคาก๊าซหุงต้มในเดือนธันวาคม น่าจะปรับลดลงอีกได้ และอาจนำไปสู่การทบทวนแนวทางการปรับราคาของกบง.ใหม่ ไม่จำเป็นต้องปรับราคาก๊าซหุงต้มในภาคดังกล่าวขึ้นไปถึง 6 บาทต่อกิโลกรัมก็เป็นได้
นายเมตตา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากสถานการณ์ราคาก๊าซหุงต้มที่ปรับตัวลดลงนี้ และยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ใกล้ระดับที่รัฐบาลควบคุมเพดาการจำหน่ายก๊าซหุงต้มอยู่ที่ประมาณ 332 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ทางกระทรวงพลังงานก็อาจจะมีการพิจารณาปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้มก็เป็นได้ ซึ่งจะต้องไปดูสถานการณ์ก๊าซหุงต้มอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ 6 มาตรการ 6 เดือนที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มกราคม 2552 ที่มีการตรึงราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม เพราะราคาก๊าซหุงต้มในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาอีก 50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เท่ากับว่าช่วยลดการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มได้ประมาณ 1.70 บาทต่อกิโลกรัม
์ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2375 16 พ.ย. - 19 พ.ย. 2551
|