OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #15 เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 11:58:26 AM
|
chaiyanon
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 11:58:26 AM » |
|
งั้น ขอถามเป็นวิทยาทาน ซักนิดได้มั๊ยครับ แต่ขอกระโดดข้ามห้อง ไป ac premium นะครับ อิๆ รถผม ford focus 1.8 ติด ac 300 premium อยู่ครับ เหตุทีเลือกตัวนี้ เพราะ กลุ่มผู้ที่ใช้ focus แล้วไปติดแก็สมา ส่วนใหญ่มักประสบปัญหา ไฟโชว์ กันเป็นส่วนมาก code ที่เจอ ส่วนใหญ่ก็เชื้อเพลิงบางเกินไป ลบ code จุนแก๊สใหม่ ไม่นาน ก็กลับมาโชว์อีก ซึ่งผมเองก็เคยได้รับทราบข้อมูลมาบ้างว่า รถยุโรป ส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะเจ้าน้องกัสจังของผม) ยอมให้มี % ของการแกว่ง ได้น้อยกว่า รถยี่ปุ่น หรือ พยายาม เข้าใกล้ 0 ว่างั้นเหอะ แต่รถยี่ปุ่น ยอมได้มากกว่า ผมเลยคิดว่า อาจต้องยอม เสียข้อดี ในส่วนของเรื่องประหยัด กับ ความแรงออกไปบ้าง แล้วยอมให้นำข้อดี ในเรื่องการจ่ายเชื้อเพลิงโดยอ้างอิงจาก OBD มาใช้คำนวณการจ่ายแก๊สแทน เพื่อลดปัญหา ต่อระบบเครื่องยนต์แทน คำถามคือ ที่ผมเล่ามาทั้งหมดเนี่ยะ ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ รบกวนเหล่าเซียนทั้งหลายช่วยชี้แนะด้วย เพิ่มเติม ตอนนี้ รถวิ่งมา 5 พันกว่าโลแล้ว ยังไม่มีอะไรผิดปรกติ อัตตราการบริโภคแก๊ส ช่างเหมือนน้ำมันจริงๆ คือ ถ้าวิ่งในเมือง รถติด ซดแก๊สกระจาย แต่ถ้านอกเมือง วิ่งลอยๆ ก็ประหยัดใช้ได้ บวกลบแล้ว เทียบกับค่าน้ำมัน ก็ยังอยู่ใจจุดที่คุ้มค่าครับ ผมว่าเข้าใจถูกแล้วครับ ทึ่ว่า Focus จะยอมให้ค่าเบี่ยงเบนน้อยกว่ารถญี่ป่นครับ แต่ส่วนตัวผมใช้ตัว 5 Dr 2.0 กับ Europegas รุ่น Oscar N OBD CAN ตอนนี้วิ่งมาเกือบ 4 หมื่นโลและโชคดียังไม่เจอปัญหาเรื่องไฟโชว์เลยสักครั้งครับ ผมว่าหลักๆท่าจูนดีๆปัญหาไฟเครื่องโชว์ไม่น่ามีนะครับ ส่วนเรื่องการต่อ OBD น่าจะเข้ามาช่วยในเรื่องความประหยัดนะครับ ความแรงไม่น่าจะหายไป ถ้าเราไม่ไปบีบค่า Short Term มากเกินไป คือให้มีบวกลบได้นิดหน่อย ไม่ใช่บีบให้ค่าเข้าใกล้ 0 อย่างเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #16 เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 12:15:50 PM
|
tee25
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 12:15:50 PM » |
|
เข้ามาเก็บความรู้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #17 เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 04:10:58 PM
|
citibank
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 04:10:58 PM » |
|
ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร อันนี้ไม่รู้ แต่รถผมต่อ อ่านความเห็นหลายๆท่านแล้ว ก็เก็บเป็นความรู้ครับ สงสัยต่อไป หุหุ เกี่ยวกับความประหยัด ส่วนตัวเท่าที่ใช้ วิ่งในเมืองรถติดด้วย (ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับท่านอื่่นรู้สึกว่าไม่ประหยัด) วิ่งนอกเมือง รู้สึกได้เลยว่าประหยัด แต่สรุปแล้วก็พอใจครับ ตรงที่มันประหยัดกว่าวิ่งน้ำมัน (จ่ายถูกกว่าน้ำมัน) เดิมเติมเติมถัง 340 บาทตลอดทุกครั้ง วิ่งได้ 250-260 โล
ตอนนี้เปลี่ยนเส้นทางวิ่ง ได้เพิ่มมาอีก 10 โล เฉลี่ย 260-270 โล (ตลกดี) จากเดิมวิ่งครั้งละ 8 โล เปลี่ยนมาวิ่งครั้งละ 9 โล ได้ระยะเพิ่ม ระยะทาง 8 โล ความเร็วสูงสุด 40-80 ระยะทาง 9 โล ความเร็วสูงสุด 100-110 โล เหมือนวิ่งออกต่างจังหวัดเลย หุหุ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 04:13:15 PM
|
limpbiz
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 04:13:15 PM » |
|
เข้ามาเก็บความรู้ครับ
แล้วมันต่างหรือเหมือนกันกับ Autronic EVO หรือ AC Stag300 Premium ที่มีพวก OBD รึเปล่า
ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 06:39:55 PM
|
Top_up
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 06:39:55 PM » |
|
ตอนนี้ก็ยังสับสนกับเรื่องนี้มากๆ เลยครับ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยหน่อยครับ คาใจมานานมากครับ คำถามของผม คือ ถ้าต่อ obd can กับรถ civic fd จะมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรครับ
ความเข้าใจของผมมีดังนี้ครับ ผิดถูกอย่างไร ช่วยบอกด้วยครับ ไม่อยากรู้แบบผิดๆ ครับเนื่องจาก civic fd จะจ่ายเชื้อเพลิงบางเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วคงที่ เพื่อความประหยัด หากต่อ obd can ดึงค่า stft จากกล่อง ecu น้ำมันมาใช้ จะทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง(แก๊ส)ขึ้น แต่สมรรถนะจะลดลง ใช่หรือไม่ครับ ? หากไม่ต่อ obd can ecu แก๊สจะรับสัญญาณไฟฟ้าจาก O2 sensor (ซึ่งก็คือ ค่า A/F ratio หรือ stft)
แล้วมาสั่งหัวฉีดแก๊ส โดยปรับให้เข้าใกล้ 0% ตลอดเวลา ก็จะทำให้ สมรรถนะดีขึ้น แต่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง(แก๊ส) ใช่หรือไม่ครับ ? ขอบคุณทุกๆ ท่านครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 09:48:32 PM
|
J-AUTOGAS
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 09:48:32 PM » |
|
กับ เครื่องยนต์ honda รุ่นใหม่ ที่เป็น ระบบ I-VTEC ทั้งหมด ระบบการสั่งฉีดน้ำมัน จะมีระบบ เหมือนกัน
ก็คือ เมื่อใด เครื่องยนต์ต้องการ กำลังต่ำ ความเร็วนิ่งๆ เครื่องยนต์ จะปรับโหมด การ สั่งจ่ายเชื้อเพลิง เข้าสู่โหมด ประหยัดเชื้อเพลิง (lean burn combustion) เผาไหม้ในลักษณะเชื้อเพลิงบาง เชื้อเพลิง น้อย แต่ อากาศ มาก สัดส่วน จะมากกว่า สัดส่วนทางทฤษฎี ก็คือ มากกว่า 14.7 :1 คือเป็นมากกว่าเช่น 16:1 ขึ้นไป
จุดสังเกต - ค่า lamad จะเริ่มโชว์ ส่วนผสมบาง - ค่า short term จะเริ่มมีค่า ขึ้นเป็น บวก (จากเดิม ไกล้ 0 มีติดลบ บ้าง หรือ บวกบ้างเล็กน้อย แต่ ไม่ห่าง0 เช่น +5 ถึง -5 ) แต่ พอเข้าโหมดนี้ ค่า short term จะเพิ่มค่า ขึ้นกว่า +10 .....ข้อมูลนี้มาจาก สายตาตัวเอง กับ civic fd 2010 ชุดแก๊ส oscar obd can ติดตั้ง สมาร์ทเกจ อ่านค่า short term ตลอดเส้นทาง จาก กรุงเทพ สู่ สุราษฎร์ธานี ระยะทางเกือบ 700 km สังเกต ค่า แกว่งตัว ของ ค่า short term ตลอดเส้นทาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 10:00:03 PM
|
J-AUTOGAS
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 10:00:03 PM » |
|
เมื่อ ระบบการฉีดน้ำมัน เริ่มเข้าสู่ โหมดนี้ รถจะยังวิ่ง ด้วยความเร็ว คงที่ แต่ ความรู้สึก การดึง ของเครื่องยนต์จะ ลดน้อยลงกว่าปกติ (พูดให้เข้าใจ ง่ายๆ คันเร่ง ไม่สู้เท้า )
แต่ หาก เมื่อเป็นโหมด แก๊ส แล้ว ถึงแม้ ระบบเครื่องยนต์จะ พยามเข้าสู่โหมด ประหยัด แต่ การควบคุมการ แกว่งค่า short term กำหนด ให้ค่า เข้าไกล้ 0 % ไม่ให้เผาไหม้บาง ให้เผาไหม้ สมบูรณ์ ก็จะทำให้ เครื่องยนต์ทำงาน ให้กำลังเต็มที่ได้ตลอด
ผลการ สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้น แต่ สิ่งที่ได้กลับมา คือ ความคงทนของเครื่องยนต์ และ อัตราเร่งที่ต่อเนื่อง ที่เราสัมผัส ได้ครับ
สรุป honda i-vtec ต่อ obd can
สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้น รถวิ่งดีขึ้น เครื่องยนต์ทำงานทนทานมากขึ้น
ส่วน ระบบแก๊สที่ไม่สามารถต่อ obd can ได้ ก็จะไม่สามารถไปบังคับ ให้ค่า short term เข้าหา 0 % ได้ ฉะนั้น เมื่อน้ำมัน เข้าโหมด เผาไหม้บาง ระบบแก๊ส ก็จะเลียนแบบ น้ำมัน คือ เข้า ระบบ ลดการฉีดแก๊ส เป็นการ เผาไหม้ บางด้วยเช่น กัน ครับ
จุดสังเกต หลักๆ civic fd หาก วิ่งด้วยความเร็ว นิ่งๆ ด้วยระบบแก๊ส 80-100 km/hr แบบนิ่งๆ บางคัน มีอาการ สะดุด เบาๆ เป็นช่วงๆ ที่ความเร็วนี้ เพราะ ว่า ระบบเครื่องยนต์เข้าโหมดเผาไหม้บาง กำลังเครื่องยนต์มีน้อยลง ดังนั้น เวลา คอมแอร์จับ หรือ ไดชาร์ท ทำงาน จะไปดึงกำลังของเครื่องยนต์ ทำให้เกิดอาการ สะดุดให้เห็น แต่ ถ้าเป็นน้ำมัน จะไม่เป็น เพราะ ตอนเป็นน้ำมัน ยังให้กำลังที่ได้ดีกว่าแก๊ส แต่ พอเป็นแก๊ส กำลังที่ได้ จะน้อยกว่า ดังนั้น โหลดที่เพิ่มขึ้น เพียงเล็กน้อย จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิด การตุกได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 10:08:27 PM
|
J-AUTOGAS
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 10:08:27 PM » |
|
ดังนั้น การเชื่อมต่อ obd can
ทำให้เครื่องยนต์ทำงาน ได้รับเชื้อเพลิง มากขึ้น มีกำลัง มากขึ้น ทำให้แก้ปัญหานี้ ได้ตรงจุด
ผมเคยพยาม ปรับจูน หัวฉีด oscar obd can ตอนที่ยังไม่ได้ต่อ กล่อง obd can
พยามปรับจูน แต่ง หน้า map เพื่อ ปรับการจ่ายแก๊ส ในย่าน ที่เกิดการเผาไหม้ บาง พบว่า
การเข้า โหมด เผาไหม้บางของเครื่องยนต์ honda i-vtec ไม่ได้เกิดที่สภาวะใด สภาวะหนึ่ง รอบเครื่องยนต์ รอบใด หรือ ช่วงใด แต่ ขึ้นอยู่กับ การ การสังเกต ของระบบเครื่องยนต์ ต่อ ผู้ ขับขี่ ว่า ขับอยู่ในลักษณะใด
หาก เมื่อใด ขับนิ่งๆ เรื่อยๆ ระบบ นี้ จะทำงานทันที
แต่ เมื่อใด หาก ขับเร็ว เร่งแซง ตลอดทาง ระบบนี้ จะไม่ทำงาน เชือ้เพลิง มีการจ่าย หนา บาง สลับกันไปตลอด สังเกต ได้ว่า เครื่องยนต์ให้กำลังได้ต่อเนื่องตลอด
อย่างที่บางท่าน เคยได้ทราบข้อมูลมา ว่า civic fd 1.8 i-vtec หาก วิ่งด้วยความเร็วนิ่งๆ 80-100-110 km/hr เครื่องยนต์ตัวนี้จะให้ อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่สูงมาก ระดับ 15-16 km/lite กันเลย ทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2011, 05:21:17 PM
|
Top_up
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2011, 05:21:17 PM » |
|
ขอบคุณ คุณ เจ ออโต้แก๊ส มากครับ ที่เสียสละเวลามาอธิบายครับ
รบกวนสอบถาม คุณ เจ และ ท่านผู้รู้ทุกท่าน ช่วยอธิบายเพิ่มเติมสักนิด ครับ ว่า
1. หากไม่ต่อ obd can นั้น กล่อง ecu แก๊สจะรับค่าจากที่ใด เพื่อมาสั่งหัวฉีดจ่ายแก๊สครับ ?
2. ที่ผมเข้าใจว่า ecu แก๊สจะรับสัญญาณไฟฟ้าจาก O2 sensor(อู่ติดแก๊สเขาบอกผมมาอย่างนี้ครับ) ผมเข้าใจถูก หรือ เข้าใจผิดครับ ?
ขอบคุณทุกๆ ท่านครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2011, 09:44:54 PM
|
zplus
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2011, 09:44:54 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2011, 09:52:27 PM
|
zplus
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2011, 09:52:27 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #26 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2011, 12:06:16 AM
|
J-AUTOGAS
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2011, 12:06:16 AM » |
|
ขอบคุณ คุณ เจ ออโต้แก๊ส มากครับ ที่เสียสละเวลามาอธิบายครับ
รบกวนสอบถาม คุณ เจ และ ท่านผู้รู้ทุกท่าน ช่วยอธิบายเพิ่มเติมสักนิด ครับ ว่า
1. หากไม่ต่อ obd can นั้น กล่อง ecu แก๊สจะรับค่าจากที่ใด เพื่อมาสั่งหัวฉีดจ่ายแก๊สครับ ? สัญญาณหัวฉีดน้ำมัน นำมาปรับแต่ง สัญญาณเพิ่ม ตามแรงดันแก๊ส อุณหภูมิแก๊ส หรือ อื่นๆ แล้ว เพิ่ม หรือ ลดเวลา แล้วสั่งฉีดแก๊ส ออกไป
2. ที่ผมเข้าใจว่า ecu แก๊สจะรับสัญญาณไฟฟ้าจาก O2 sensor(อู่ติดแก๊สเขาบอกผมมาอย่างนี้ครับ) ผมเข้าใจถูก หรือ เข้าใจผิดครับ ? หากมีชุดแก๊สหัวฉีด ที่สามารถนำเอา สัญญาณของออกซิเจนเซ็นเซอร์มาควบคุมการฉีดแก๊สได้ (เหมือนระบบแก๊สของมิกเซอร์) ชุดแก๊สหัวฉีดชุดนั้นจะเป็นชุดแก๊ส ที่ทำงานแล้วให้ประสิทธิภาพที่ดี ชุดหนึ่งทีเดียว แต่ตอนนี้ ยังไม่มียี้ห้อใด ผลิตออกมา ที่มีสายต่อ ออกมาจากชุดแก๊ส ก็มีมาเพื่อให้ต่อ เพื่อ ดึง เอาสัญญาณ มาดูค่า แลมด้า ประกอบการจูน เท่านั้น ไม่ได้ นำมาเพื่อ ควบคุมการฉีดแก๊ส แต่ อย่างใด แต่ สัญญาณ ที่นำมาควบคุมการฉีดแก๊ส ซึ่งทำได้ง่ายกว่า ก็คือ สัญญาณ short term long term ซึ่งเป็นค่า ที่แปร มาจาก สัญญาณ แลมด้า เหมือนกัน แต่ สัญญาณนี้ จะถูกนำไปใช้งานได้ง่ายกว่า เป็น เป็นสัญญาณ ทางคอมพิวเตอร์(LAN , CAN ) ที่สามารถ ทำให้ กล่อง ecu เครื่องยนต์ กับ กล่อง ecu gas สามารถ สื่อสาร กันได้ว่า ตอนนี้ เชื้อเพลิง หนาไป หรือไม่ บางไป หรือ ไม่ เพื่อ ที่จะ ควบคุม การปริมาณการฉีดให้เหมาะสม เพื่อ ผลลัพธ์ คือ จ่ายเชื้อเพลิง ให้สมบูรณ์
ขอบคุณทุกๆ ท่านครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #27 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2011, 09:28:30 AM
|
Top_up
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2011, 09:28:30 AM » |
|
ขอบคุณ คุณ เจ ออโต้แก๊ส มากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #28 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 09:01:53 PM
|
สามดาว
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 09:01:53 PM » |
|
1. หากไม่ต่อ obd can นั้น กล่อง ecu แก๊สจะรับค่าจากที่ใด เพื่อมาสั่งหัวฉีดจ่ายแก๊สครับ ? ตอบ ออกซิเจนเซนเซอร์
2. ที่ผมเข้าใจว่า ecu แก๊สจะรับสัญญาณไฟฟ้าจาก O2 sensor(อู่ติดแก๊สเขาบอกผมมาอย่างนี้ครับ) ผมเข้าใจถูก หรือ เข้าใจผิดครับ ? แม่นแล้ว
OBD มันคือขั้ววิเคราะห์ แสดงค่าต่างของเซนเซอร์ ในรถยนต์ และบอกความ ผิดพลาด ของค่าต่างๆดังกล่าว ซึ่งบันทึกไว้ใน ECU (มันเป็นกฏหมาย ) สากล
ใช้ประโยชน์ในการจูนแก็สคือ ไม่ต้องไปแทบสายที่ออกเซนเซอร์ มันลึก มันร้อน มันอาจจะมั่วสาย แต่มันไม่ได้ช่วยเรื่องประหยัด กับความแรง
กรณี FORD FOCUS ถ้าจูน แล้ว บาง Lean แสดงว่า ECU ไม่ฉลาดพอ กับช่างทักษะน้อยไปนิดนึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBD CAN ต่อกับไม่ต่อ มีผลอย่างไร
|
ตอบ #29 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 11:10:10 PM
|
J-AUTOGAS
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 11:10:10 PM » |
|
1 หาก ไม่ต่อ obd can กล่อง ecu gas รับคำสั่ง หลักมาจาก เวลาหัวฉีดน้ำมัน + คำนวน ค่า การเพิ่ม หรือ ลดการฉีดแก๊ส ตาม สมการ แก๊ส PV=MRT
2 ไม่มีหัวฉีดแก๊ส ยี้ห้อใด รับคำสั่งมากจาก ออกซิเจนเซ็นเซอร์ เพื่อนำมาควบคุมการฉีดแก๊ส ระบบแก๊ส ที่มี นำมาใช้ คือ ระบบแก๊ส แบบ มิกเซอร์ ที่มี ระบบ แลมด้าควบคุม ค่า แลมด้า ที่อ่านได้จาก ที่ต่อ มาจาก สายเซ็นเซอร์ที่ออกซิเจนเซ็นเซอร์ โดยตรง กับ ที่อ่าน ผ่าน เครื่องมือ สแกน หรือ ตัว อ่าน obd คือ ค่า ตัวเดียว และ ค่าที่อ่านได้จาก เครื่องมือ สแกน obd ค่าจะแม่นยำกว่า
3 ระบบ obd มีมานานแล้ว ตั้งแต่ เริ่ม มีระบบเครื่องยนต์ที่มีระบบ การฉีดน้ำมันด้วยหัวฉีดไฟฟ้า หรือ ระบบแรกของ toyota ที่เป็น ระบบ efi เช่น เครื่องยนต์ 4a-fe ที่ ผลิต และออกแบบ เมื่อ 10 ปี ที่แล้ว ก็มีระบบ obd มาแล้ว แต่ obd ยุคแรกๆ ขั้ว สายต่อ จะเป็นแบบ ต่าง ค่ายรถ ต่างคิด ต่างทำ นำเครื่องมือ กลาง มาเสียบ เพื่อดูค่า กันไม่ได้ อย่างเมื่อก่อน เครื่องยนต์ 4a-fe หาก จะอ่าน โค๊ด หรือ รหัสปัญหา ก็จะต้องใช้เครื่องมือ ของ toyota เท่านั้น เอาข้างนอก มาเสียบไม่ได้
แต่ ทุกวัน นี้ ทุกค่าย รถพัฒนาเพื่อให้ใช้เครื่องมือ ร่วมกัน ผลประโยชน์ ก็ตกมาที่ลูกค้า เวลา รถมีปัญหา ไฟเครื่องยนต์ โชว์ หรือ เครื่องยนต์มีปัญหา เครื่องมือ สแกน นอกศูนย์ สามารถอ่านรหัส ได้ และซ่อมแซมระบบได้
ดังนั้น หากติดตั้งแก๊ส แล้ว แถม ระบบ สแกน obd ไปด้วยในชุดแก๊ส เท่ากับ วันหน้า รถลูกค้ามีปัญหา ลูกค้า สามารถอ่านโค๊ด ไฟโชว์ที่ทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา และ หาแนวทางในการซ่อมแซมระบบได้ง่ายขึ้น ทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา ศูนย์บริการรถยนต์ อย่างเดียวอีกต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|