การปรับจูนเจ้า Fiesta 1.5 มิใช่เล่นเลยนะครับ เท่าที่อ่านต้องจูนกันละเอียด เกือบสมบูรณ์ทีเดียว แล้วค่อยมาเปิดฟังชั่น OBD ซึ่งการทำลักษณะนี้ ก็จะเหมือน การจูนหัวฉีด ER ต้องแต่งให้เนียน ก่อนเปิด OBD ซึ่งถือว่า Fiesta 1.5 ผิดคอนเซ็ป 300 Premium ยิ่งมีตัวเลือกมาเพิ่ม
AC-300+ISA2 + Keihin กับ AC-300-premium + HANA ราคาเท่ากัน นั้น เท่าไหร่ล่ะครับ และ หากเป็น AC-300+ISA2 +HANA ลดลงไปเท่าไหร่ แต่การเลือกใช้อยู่ที่สไตล์การขับขี่ด้วยครับ
ความเห็นส่วนตัวระบบแก๊สที่มี Auto Adaption และ OBD พร้อมเปิดใช้งานทั้งอย่าง ของระบบให้เต็มประสิทธิภาพเลือกหัวฉีด Spec สูงไว้การตอบสนองการขับขี่ออกมาดี ตรงนี้จะสะดวกช่างติดตั้งปรับจูนมาก เพราะระบบจะทำงานด้วยตัวเอง ผู้ปรับจูนไม่ต้องทำอะไรมากแทบจะติดตั้งจบจูนทีเดียววิ่งใช้กันยาว แต่หากเป็นระบบหัวฉีดแก๊สที่ต้องใช้ฝีมือการปรับจูนของช่างเข้ามาปรับแต่งช่วยกับการเลือกหัวฉีดที่ Spec รองลงมา การตอบสนองการขับขี่ออกมาใกล้เคียงกันวัดลำบากพอสมควรเมื่อขับใช้งานไประยะนึง ผู้ใช้จะเกิดความเคยชิน
Keihin กับ Hana ยอมมีความต่างในบางจังหวัดของการขับขี่ แต่บางคนอาจใช้ไม่ถึงผมถึงบอกว่ามันอยู่สไตล์การขับ และ Keihin ความทนทานคงไม่ต้องพูดถึง หรือเป็นที่ยอมรับในวงการติดแก๊ส แต่ก็เลือกหัวฉีดแทนให้ไม่ได้นะ ตัดสินเอาเองแล้วกัน แต่ ECU GAS ให้ Fiesta 1.5 ผมขอเลือกตามช่างกบ คือ กล่องAC-300 ISA2 เพราะถูกกว่า ส่วนหัวฉีดอะไรไปตัดสินเอง ตามงบแล้วกันเนอะ
ขอบคุณช่างกบ และ คุณ แมวหมู ที่มาให้ความรู้กับรถรุ่นนี้ครับ
Quote "
ก็จะเหมือน การจูนหัวฉีด ER ต้องแต่งให้เนียน ก่อนเปิด OBD ซึ่งถือว่า Fiesta 1.5 ผิดคอนเซ็ป 300 Premium"
อันนี้ต้องทำความเข้าใจกันใหม่นะครับคุณฟักทอง
ระบบ OBD ในชุดหัวฉีดแก๊สทุกยี่ห้อนั้น เป้าหมายเค้าเพื่อต้องการให้กล่อง ECU แก๊สดึงค่าการจ่ายเชื้อเพลิงจากระบบน้ำมัน
มาใช้เก็บรายละเอียดส่วนที่ขาดเหลือ
หลัง จากการวิ่งปรับจูนแก๊สทุกโหลดตามปกติ
ไม่ใช่ว่าเอามามันมาเปิดใช้ได้ทันทีโดยไม่มีการปรับจูนใดๆ
ฉะนั้นหากเปิดการใช้งาน OBD โดยไม่ได้วิ่งจูนทุกโหลดให้ใกล้เคียงกับน้ำมันก่อน
กว่ากล่องแก๊สมันจะได้ค่า STFT จากกล่องน้ำมันมาประมวลผลเพื่อสั่งจ่ายแก๊สเพิ่มหรือลดในช่วงโหลดนั้นๆ
คิดว่าหัวฉีดแก๊สมันจะเปิดทันเท้าคนขับที่ขับเปลี่ยนโหลดอยู่ตลอดเวลาได้มั้ยครับ?
ระบบน้ำมันเองก็เช่นกัน มันย่อมมีการตั้งค่าการจ่ายที่เหมาะสมเป็นค่ากลางป้อนเข้า ECU มาแล้วจากโรงงาน
ที่เหลือก็ใช้การประมวลผลจาก Sensor อื่นๆเข้ามาใช้เป็นตัวแปร+นิสัยการขับขี่ของเจ้าของรถแต่ละคน
หัวฉีดน้ำมันมันเปิดไวมาก แถมช่วงของการเปิดแบบปกตินั้นมันยังแอบมีฉีดเพิ่มอีก (Extra Injection)
ไหนจะกล่อง ECU น้ำมันที่มีการประมวลผลได้ไวกว่ากล่อง ECU แก๊ส มันจึงสามารถปรับเพิ่มลดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่โรงงานมันก็จะล็อคไว้ไม่ให้เกินค่าความปลอดภัย เช่น ไม่ให้เกินค่ามาตรฐานไอเสียตามแต่กฎหมายประเทศนั้นๆจะกำหนด
ระบบแก๊สก็เช่นเดียวกันที่ช่างต้องตั้งค่าเริ่มต้นและค่า range ที่จะต้องการจะให้มันปรับก่อน
โดยค่าเริ่มต้นนั้นก็คือ ค่าการจ่ายของน้ำมันทุกโหลดนั่นแหละ
ช่างก็ต้องขับน้ำมันเื่พื่อดูค่าการจ่ายและปรับแก๊สให้การจ่ายนั้นออกมาใกล้เคียงน้ำมันมากที่สุดในทุกโหลดความเร็ว
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนขับเหยียบความเร็วอยู่ที่ 80 กม./ชม. ค่า STFT วัดจาก OBD ได้สัก +5%
กว่ากล่อง ECU แก๊สจะไปสั่งหัวฉีดแก๊สให้ฉีดเพิ่มเพื่อลดค่า STFT ลงให้ได้ที่ 0% จะใช้เวลาเท่าไหร่?
ถ้าค่า STFT ไม่ห่างมากอย่างนี้เนื่องจากช่างวิ่งจูนเทียบใกล้เคียงน้ำมันแล้ว กล่องแก๊สอาจจะปรับให้ทัน
แต่ถ้าช่างแค่ Autotune แล้วเปิด OBD เลยโดยไม่วิ่งจูนก่อน
ถ้าค่าห่างกันสัก +-10% ขึ้นไป คุณคิดว่า ECU แก๊สมันจะสั่งให้หัวฉีดแก๊สปรับการฉีดได้ทันเหรอครับ?
ถ้าเหยียบเท้านิ่งใช้ความเร็วคงที่เป็นเวลานาน อันนี้อาจจะปรับได้ครับ
แต่... ความเป็นจริงในการขับรถ (โดยเฉพาะในเมือง)
มันไม่มีทางที่คนขับจะเหยียบแช่ที่ความเร็วเดิมตลอดเวลาเหมือนขับเรือหรือใช้เครื่องตัดหญ้า
กว่า ECU แก๊สท่านจะไปสั่งหัวฉีดให้ยกตามที่ต้องการได้ เท้าคนขับเค้าเหยียบไปที่โหลดอื่นเรียบร้อยแล้วละครับ...
มันจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมใช้ ECU ที่มีฟังค์ชั่น OBD แล้วแต่รถยังวิ่งสู้น้ำมันไม่ได้ บางครั้งไฟ Engine ยังโชว์
หรือหนักกว่านั้น รถของท่านอาจไม่ได้เปิดใช้ OBD Adaptive อยู่เพราะโดนช่างแบบตอนไว้ก็เป็นไปได้ครับ